เศรษฐกิจเศรษฐกิจมหาภาค

สนข. สรุปแผนทางด่วน 3 พร้อมรถไฟฟ้าสีน้ำตาล

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและระบบคมนาคมในระยะยาว เพื่อดำเนินโครงการศึกษารูปแบบการดำเนินงานโครงการคมนาคมขนส่งที่เหมาะสมและใช้ประโยชน์เสาตอม่อ โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ที่มีการก่อสร้างเสาตอม่อเตรียมไว้แล้วบนแนวกึ่งกลางถนนประเสริฐมนูกิจ หรือถนนเกษตร - นวมินทร์ แต่เดิมได้กำหนดให้เป็นเส้นทางเชื่อมกับระบบทางพิเศษระหว่างเมืองด้านตะวันออก - ตะวันตก ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 กระทรวงคมนาคม มีแนวคิดที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล โดยใช้เสาตอม่อโครงการระบบทางด่วนดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ และในปี 2560 คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร. มอบหมายให้ สนข. ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย - ลำสาลี (บึงกุ่ม) โดยพิจารณาโครงข่ายการขนส่งและจราจรในภาพรวมและเชื่อมต่อต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงข่ายระบบทางพิเศษระหว่างพื้นที่ด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาการจราจรบริเวณแยกเกษตร รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนการออกแบบเบื้องต้นและประมาณราคาค่าก่อสร้าง ระยะเวลาในการศึกษารวม 14 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2560-9 มิถุนายน 2561 นายไพรินทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การศึกษาพบว่า การพัฒนาด้วยระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) และระบบทางด่วนบนแนวสายทางเดียวกัน  มีความเหมาะสมที่จะสามารถรองรับการเดินทางได้ดีที่สุด อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนทางราง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และประหยัดเวลาการเดินทางของประชาชน ขณะที่ระบบทางด่วนจะเชื่อมโยงโครงข่ายทางด่วนระหว่างพื้นที่ด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณแยกเกษตร ถนนงามวงศ์วานและถนนประเสริฐมนูกิจ รวมทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ สำหรับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) จะเริ่มต้นจากแยกแคราย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนงามวงศ์วาน จุดตัดทางพิเศษศรีรัช แยกพงษ์เพชร แยกบางเขน แยกเกษตร ต่อเนื่องไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ ผ่านจุดตัดถนนลาดปลาเค้า แยกเสนา จุดตัดถนนสุคนธสวัสดิ์ จุดตัดทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) จุดตัดทางหลวง 350 จุดตัดถนนนวมินทร์ เลี้ยวขวาไปทางทิศใต้ ตามแนวถนนนวมินทร์ ผ่านแยกโพธิ์แก้ว แยกศรีบูรพา แยกแฮปปี้แลนด์...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ฟอร์ดเพิ่มฟีเจอร์ล้ำในรถรุ่นใหม่

ฟอร์ด จับมือ “แอปพลิเคชัน เวซ” นำเสนอแผนที่นำทางและบอกสภาพการจราจร บนหน้าจอสัมผัสสั่งการง่ายด้วยเสียง นาย ดอน บัทเลอร์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มรถยนต์และผลิตภัณฑ์ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า ผู้ใช้แอปพลิเคชัน เวซ (Waze Application) ทั่วโลกสามารถใช้บริการระบบแผนที่นำทางและบอกสภาพการจราจรตามเวลาจริง พร้อมควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง ผ่านหน้าจอสัมผัสในรถยนต์ฟอร์ดรุ่นต่าง ๆ ด้วยระบบ SYNC® AppLink® ได้แล้ววันนี้ โดยเจ้าของรถฟอร์ด รุ่นที่ติดตั้งระบบซิงค์ 3 อยู่แล้ว สามารถใช้ฟีเจอร์ในแอปพลิเคชันนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเส้นทางที่ดีกว่า ระบุตำแหน่งสถานีบริการน้ำมันที่มีราคาน้ำมันถูกกว่า และการรายงานอุบัติเหตุบนท้องถนน สำหรับวิธีการใช้งาน เพียงแค่เชื่อมต่อไอโฟนที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน เวซ เข้ากับยูเอสบีพอร์ตของรถยนต์ และเรียกใช้งานผ่านหน้าจอสัมผัสในรถ ซึ่งผู้ใช้ระบบ SYNC AppLink จะสามารถเข้าใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแอปพลิเคชันบนหน้าจอที่ใหญ่กว่า และยังสามารถฟังเสียงนำทางผ่านระบบลำโพงและไมโครโฟนในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบาย “ลูกค้าของฟอร์ดจะได้ใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชัน เวซ อย่างเต็มที่ พร้อมกับความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้แอปพลิเคชันผ่านหน้าจอที่ใหญ่กว่า” นอกจากความสามารถในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการจราจรติดขัด อุบัติเหตุ และราคาน้ำมันแล้ว การที่ฟอร์ดจับมือกับแอปพลิเคชัน เวซ ยังรวมไปถึงการอัพเดทล่าสุดอื่น ๆ ของแอปพลิเคชัน เช่น ทอล์ค ทู เวซ (Talk to Waze) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการใช้งานแอปพลิเคชันผ่านคำสั่งเสียงได้ รวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น การแสดงตัวเลือกเส้นทางเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงช่องจราจรที่หนาแน่น ตัวเลือกการนำทางอื่นๆ และการคำนวณเวลาที่จะไปถึงที่หมายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นายเจนส์ บารอน หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ด้านแอปพลิเคชันในรถยนต์ของแอปพลิเคชัน เวซ กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ผู้ขับขี่รถฟอร์ดที่ติดตั้งระบบซิงค์ 3 จะได้ใช้แอปพลิเคชัน เวซ สำหรับ iOS จากในรถยนต์ และเข้าถึงฟีเจอร์อันล้ำสมัยต่างๆ ของเราอย่างเช่น การวางแผนการขับขี่ ตัวเลือกเส้นทาง...
Uncategorized

ไฮด์ สุขุมวิท 11 ชูที่จอดรถยนต์อัจฉริยะ

คอนโด ไฮด์ สุขุมวิท 11 ชูเทคโนโลยีหุ่นยนต์จอดรถยนต์อัจฉริยะ นาย พีรพล นนทสูติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 เป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ สูง 39 ชั้น โดยมีจุดเด่นคือเทคโนโลยีหุ่นยนต์จอดรถยนต์อัจฉริยะ “Duo Robot Automatic Parking”ที่ได้เข้ามาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย “ไฮด์ สุขุมวิท11 ไว้วางใจให้ ปาร์คพลัส ที่ปรึกษาปัญหาด้านที่จอดรถและผู้นำด้านการให้บริการเครื่องจอดรถแบบครบวงจร นำนวัตกรรมใหม่ หุ่นยนต์จอดรถ ซึ่งเป็นนวัตกรรมเครื่องจอดรถที่ล้ำสมัยฉลาดกว่าระบบจอดรถอัตโนมัติที่เคยมีมา เข้ามาใช้ในโครงการครั้งแรกในประเทศไทย ถือเป็นการตอบโจทย์เรื่องการใช้งานของผู้อยู่อาศัย เพราะระบบอัจฉริยะนี้ได้ถูกพัฒนาเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น ” นายอภิราม สีตกะลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาร์คพลัส จำกัด กล่าวว่า หุ่นยนต์จอดรถอัจฉริยะ Duo Robot Automatic Parking มีการนำเข้ามาจากประเทศเกาหลี และบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และโครงการไฮด์ สุขุมวิท 11 นับเป็นที่แรกในไทย และยังรวมไปถึงเป็นแห่งแรกในภูมิภาคนี้ South East Asia ที่เลือกใช้เทคโนโลยีเครื่องจอดรถหุ่นยนต์ ระบบ Duo Robot ซึ่งทันสมัยที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นระบบอัตโนมัติแท้ 100% เพียงระบบเดียวในประเทศไทย สามารถรองรับรถยนต์ขนาดใหญ่ได้ยาวถึง 5.5 เมตร รวมถึงรถ Plugin Hybrid, EV รถแห่งอนาคตที่มีน้ำหนักสูงได้ถึง 3 ตัน และเป็นระบบแรกในไทยที่ใช้ระบบ Bio Metric ทั้งการสแกนนิ้วมือ และระบบจดจำใบหน้าในการจอดหรือรับรถ เพื่อแก้ไขปัญหาการลืมหรือทำบัตรจอดรถหาย เป็นระบบที่ทันสมัยที่สุด...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

กู๊ดเยียร์อวดโฉมต้นแบบยางยานยนต์ไฟฟ้า

กู๊ดเยียร์ เผยโฉม เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์ (EfficientGrip Performance) ยางรถยนต์ต้นแบบที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในงาน เจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2018 เพื่อรองรับตลาดยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยพร้อมโลดแล่นบนถนนในทวีปยุโรปภายในปี พ.ศ. 2562 จากผลการทดสอบสมรรถนะยางรถยนต์ทั่วไปกับยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ชี้ให้เห็นว่าเมื่อใช้ยางรถยนต์ทั่วไปทำให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่าถึง 30% เมื่อเทียบกับการใช้ยางกู๊ดเยียร์เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์รุ่นใหม่ล่าสุด เนื่องจากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ใช้กำลังแรงสูง รวมถึงชุดแบตเตอรี่ที่ทำให้ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น   นายคริส เดอลานีย์ ประธานบริหารประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) เผยว่า “เมื่อมีกฎระเบียบข้อบังคับให้สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ผนวกกับความมุ่งมั่นในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงเทคโนโลยีพลังงานแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กู๊ดเยียร์จึงร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ เพื่อคิดค้น พัฒนา และนำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการด้านสมรรถนะของยางรถยนต์ในตลาดยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” นอกจากบริษัทผู้ผลิตยานยนต์จะมองหายางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพความคงทนสูงแล้ว ยังมองหายางรถยนต์ที่มีความเงียบและนุ่มสบาย เพราะยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ในอัตราความเร็วต่ำ ก่อให้เกิดเสียงดังเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเสียงที่ดังจากยานยนต์ทั่วไป อีกทั้ง มองหายางรถยนต์ที่โดดเด่นด้านแรงต้านทานการหมุนของล้อในยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย เหล่านี้นับเป็นสิ่งสำคัญที่กลุ่มผู้บริโภคคำนึงถึง ยางรถยนต์ต้นแบบ เอฟฟิเชี่ยนกริป เพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นำเสนอโซลูชั่นด้านสมรรถนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดอกยางที่มีขนาดบางลงและร่องเล็กๆ ช่วยเพิ่มส่วนสัมผัสของหน้ายางบนพื้นถนนมากกว่าร่องบนยางแบบเรเดียลทั่วไป ทั้งนี้เมื่อหน้าสัมผัสของยางบนพื้นถนนเพิ่มขึ้น จะทำให้ยางสามารถรับแรงต้านทานการหมุนของเพลาเครื่องยนต์ในระดับสูงได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังรักษาสมรรถนะที่ดีเยี่ยมบนพื้นถนนที่เปียกแฉะ และป้องกันคลื่นเสียงในร่องยางที่อาจเกิดจากยางรถยนต์ทั้งจากภายในและภายนอก นอกจานี้ ส่วนโค้งของยางที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากชุดแบตเตอรี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งยังรักษาพื้นที่หน้าสัมผัสของดอกยางได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อคงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และด้สนลักษณะเด่นของยางคอมปาวด์ คือทนต่อแรงต้านทานการหมุนของล้อที่ต่ำ ช่วยยืดช่วงการขับขี่ของยานยนต์ และต้านทานแรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ในระดับสูงได้ดียิ่งขึ้น...
กิน-เที่ยวมาร์เก็ตติ้งเศรษฐกิจ

“อาลีบาบา” พาทุเรียนไทย โชยกลิ่นถึงเซี่ยงไฮ้

ทีมอลล์ของ “อาลีบาบา” พาทุเรียนไทย โชยกลิ่นถึงเซี่ยงไฮ้ในงานไทยเฟสติวัล  ส่งหมอนทองจากจันทบุรีไปประเทศจีนแค่ 120 ชั่วโมง ในฐานะพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการรายเดียวจากประเทศจีน ทีมอลล์ เฟรช แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับอาหารสดของอาลีบาบา และจู้หวาส้วน แพลตฟอร์มการตลาดและการค้าขายสำหรับแฟลชเซล ภายใต้ทีมอลล์ โปรโมทความหลากหลายของผลไม้เมืองร้อนเกรดพรีเมี่ยมของประเทศไทยภายในงานไทยเฟสติวัล ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ โดยแพลตฟอร์ม Tmall จะแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับทุเรียนซึ่งเป็นราชาแห่งผลไม้ไทย และเผยถึงเส้นทางของทุเรียนหมอนทองจากจังหวัดจันทบุรี ประเทศไทย ไปยังประเทศจีน ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 120 ชั่วโมง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการคัดเลือกคุณภาพทุเรียนที่ต้องทำอย่างพิถีพิถันก่อนนำมาขายบนแพลตฟอร์มทีมอลล์ นางสาวอัจฉริยา จันทรวงศ์ กงสุลฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ประเทศไทย ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ จะสาธิตวิธีรับประทานทุเรียน การทดลองชิมทุเรียน และช่วงถาม-ตอบ ร่วมกับลูกค้าทีมอลล์ เฟรช ที่ผ่านการคัดเลือก และเกมส์อินเทอร์แอคทีฟเกียวกับผลไม้ ในขณะเดียวกันด้านล่างเวทีก็จัดบุฟเฟ่ต์ให้ลูกค้ากว่า 100 ราย ได้เพลิดเพลินไปกับทุเรียน และผลไม้เมืองร้อนอื่น ๆ โดยกิจกรรมทั้งหมดจะถ่ายทอดสดออนไลน์ผ่านทางแอปพลิเคชั่นเถาเป่า ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นการค้าผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่สำคัญของอาลีบาบา เพื่อช่วย โปรโมทผลิตภัณฑ์อาหารไทยในตลาดผู้บริโภคชาวจีนที่มีขนาดใหญ่มากกว่าร้อยล้านคน นางสาวโจแอนนา เจิ้ง ผู้อำนวยการด้านการบริหารจัดการหมวดหมู่สินค้าของทีมอลล์ เฟรช กล่าวว่า “ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวจีนจำนวนนับล้าน ไม่ใช่เพียงในแง่จุดหมายในการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตอาหารที่ดีที่สุดในโลก เรามุ่งที่จะนำรสชาติที่แท้จริงของประเทศไทยมาสู่ประเทศจีนด้วยโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อจะทำให้ผู้บริโภคชาวจีนพอใจ แต่ยังส่งเสริมการบริโภคที่มีคุณภาพ ซึ่งนำไปสู่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยด้วยโอกาสในการขยายตลาดผ่านแพลตฟอร์มของเรา” นอกจากงานอีเวนต์ที่จัดที่เซี่ยงไฮ้แล้ว ผู้บริโภคทั่วประเทศจีนยังสามารถร่วมฉลองในโอกาสนี้กับอีกหนึ่งกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ คือ แฟลชเซลออนไลน์สำหรับอาหารสดจากประเทศไทยโดยทีมอลล์ เฟรช และจู้หวาส้วน ด้วยการสนับสนุนจากสถานกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ และฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรไทย การโปรโมทแคมเปญแฟลชเซลครอบคลุมหลากหลายผลิตภัณฑ์อาหารไทย ตั้งแต่ทุเรียนหมอนทองที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไปจนถึงมะม่วง มะพร้าว มังคุด กุ้ง และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยทุเรียนหมอนทองได้กลายเป็นสินค้าดาวรุ่งในแคมเปญแฟลชเซลออนไลน์เของ Tmall มื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างอาลีบาบา กรุ๊ป และรัฐบาลไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทีมอลล์ เฟรช และจู้หวาส้วน...
Uncategorized

ไตรมาสแรกการบินไทย กำไรกว่า 3.8 พันล้านบาท

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) กระทรวงคมนาคม และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating profit) จำนวน 3,836 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 49.4% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งค่าบัตรโดยสารและน้ำหนักส่วนเกิน ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และบริการอื่น ๆ โดยมีราคาน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน 2,473 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 583 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตีค่าทางบัญชี ส่งผลให้ บกท. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 2,737 ล้านบาท นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บกท. กล่าวว่า บกท. ได้จัดทำแผนฟื้นฟูธุรกิจ ปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผลการดำเนินงานมีกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการที่เทียบเคียงมาตรฐานชั้นนำ ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ ดังนี้ การสร้างกำไรจากการเพิ่มรายได้ ควบคุมต้นทุน และนำรูปแบบธุรกิจของสายการบินต้นทุนต่ำมาประยุกต์ใช้ การปรับปรุงหน่วยธุรกิจให้เป็นศูนย์กำไร (Profit Center) ที่เติบโต แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และบริหารจัดการสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การปรับปรุงการบริการครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม การนำ Digital Application มาเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขัน 5) การพัฒนาการบริหารงานบุคคลโดยเน้นโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมองค์กร ภาวะผู้นำและการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถ โดยในไตรมาสที่ 1 บกท. ได้รับมอบเครื่องบินใหม่แบบแอร์บัส A350-900 รวม 4 ลำ สำหรับให้บริการในเส้นทางข้ามทวีปและเส้นทางภูมิภาค มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวน 104 ลำ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 9...
Uncategorized

“ลัมโบร์กินี” ตั้ง “เรนาสโซ มอเตอร์” เป็นตัวแทนในไทย

นายมัตเตโอ ออเทนซี่ ประธานกรรมการบริหารลัมโบร์กินี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า  ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์ของลัมโบร์กินีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทได้แต่งตั้ง เรนาสโซ มอเตอร์ ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ เพียงรายเดียวในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย 145 รายใน 49 ประเทศทั่วโลก ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งของลัมโบร์กินีที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั่วโลกตั้งแต่ปี 2553 อย่างต่อเนื่อง บริษัทมุ่งผลักดันยอดขายบนเส้นทางใหม่เคียงคู่กับเรนาสโซ มอเตอร์ พร้อมสะท้อนดีเอ็นเอความเป็นแบรนด์สุดยอดรถซูเปอร์คาร์หรูในใจผู้คนทั่วโลก และการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้” “สำหรับเหตุผลที่ลัมโบร์กินีเลือกเรนาสโซ มอเตอร์ มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ของชาริช โฮลดิ้ง บริษัทที่เป็นตัวแทนของแบรนด์ชั้นนำของวงการยานยนต์จากทั่วโลก ที่มีความเข้าใจลูกค้าและตลาดรถนำเข้าเป็นอย่างดี ซึ่งเรนาสโซ มอเตอร์ เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้เครือชาริช โฮลดิ้ง 2) ทีมผู้บริหารมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับดีเอ็นเอของลัมโบร์กินี และ 3) คุณภาพระดับสูงในการให้บริการหลังการขาย ด้วยทีมที่มีความเชี่ยวชาญผ่านการอบรมตามมาตรฐานระดับโลก ที่จะสามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับเจ้าของรถลัมโบร์กินีทุกราย” หม่อมหลวง ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “เรนาสโซ มอเตอร์เกิดจากการรวมตัวกันของคนที่หลงใหลรถสปอร์ต ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือชาริช โฮลดิ้ง ภายใต้การนำของคุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ในฐานะผู้นำเข้ารถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่แบรนด์ดูคาติ รถจักรยานยนต์คลาสสิกที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานมากที่สุดในโลก และแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์  หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะแบรนด์ไอโรบอท  เครื่องล้างแปรงแต่งหน้าอัจฉริยะแบรนด์สไตล์โปร  สมาร์ท อิเล็กทริก สกู๊ตเตอร์ อันดับหนึ่งของโลกแบรนด์นิว  ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและโรงงานผลิตแบตเตอรี่อันดับหนึ่งของโลกแบรนด์บีวายดี โดยเรนาสโซ มอเตอร์ ทำการร่วมทุนกับคุณศักดิ์ นานา ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่สุดของวงการออโตโมทีฟและมอเตอร์สปอร์ตทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ” “คำว่า “เรนาสโซ” มาจากชื่อเมืองเล็กๆ ในเขตชานเมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายเฟอร์รุชโซ ลัมโบร์กินี บิดาผู้ก่อตั้งบริษัทลัมโบร์กินี...
กิจกรรม & CSRรถยนต์ในประเทศเศรษฐกิจ

โตโยต้าฉลองความสำเร็จ ผลิตรถยนต์ครบ 10 ล้านคัน

ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นาย ชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดและ นายทัตสึโร่ ทาคามิ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้าไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในงาน “ฉลองความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าครบ 10 ล้านคัน”เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ณ โรงงานโตโยต้า สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ก้าวแรกที่มุ่งมั่น สู่สิบล้านคันของความสำเร็จ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2505 ภายใต้ปรัชญา “ส่งเสริมพัฒนาการอย่างยั่งยืนของสังคมและประเทศที่โตโยต้าเข้าไปดำเนินธุรกิจ” ส่งผลให้ธุรกิจรถยนต์ของโตโยต้าเจริญก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ จวบจนปัจจุบันกว่า 56 ปี ภายใต้การลงทุนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากโรงงานผลิต  3 แห่ง ได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์สำโรง จ.สมุทรปราการ โรงงานประกอบรถยนต์เกตเวย์ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และโรงงานประกอบรถยนต์บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยความร่วมมือร่วมใจ และความทุ่มเทของพนักงานทุกคน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด  นำมาสู่การบรรลุยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน และเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของโตโยต้า การก้าวย่างสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงของโตโยต้าในประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็น 6 ยุคด้วยกัน เริ่มจากยุคก่อร่างสร้างฐาน“ก้าวแรกแห่งการร่วมเดินเคียงข้างคนไทย”(ระหว่างพ.ศ. 2505 – 2515) โดยก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกขึ้นที่ ต....
1 340 341 342 343 344
Page 342 of 344