กิจกรรม & CSRเทสต์ไดรฟ์

รีวิว ทดสอบ  มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่   รถในฝันของเรา จากกระเป๋าโดเรมอน  โดย สุรชัย มณีมหานนท์

54.4kviews

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดได้เชิญสื่อมวลชนราว100คน เพื่อร่วมกิจกรรมทดสอบขับมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์พีเอชอีวี(ปลั๊กอินไฮบริด)ใหม่ แบบวันเดย์ทริปรอบกรุงเทพฯโดยตลอดเส้นทางการทดสอบได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับ และระบบเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม พร้อมความสะดวกสบายระดับพรีเมียม เพื่อตอกย้ำการเป็นรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก

“การเปิดตัวมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่คือ การก้าวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยสื่อมวลชนที่เข้าร่วมการทดสอบขับในครั้งนี้จะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากรถเอสยูวีที่มีสมรรถนะเหนือระดับ ผมจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารถเอสยูวีพีเอชอีวี รุ่นนี้ จะเป็นรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบ หรูหรา และสะดวกสบายบนทุกสภาพถนนทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่305 แรงม้า(1)พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC)ลิขสิทธิ์เฉพาะของ มิตซูบิชิ มอเตอร์สที่แตกต่างจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป” นาย. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

หลายๆคนมี ฝันในวัยเด็ก ก็อยากได้รถสักคันที่สามารถขับไปเที่ยวได้ทุกสถานที่ ลุยน้ำ วิ่งบนถนนขรุขระบุกทางวิบากได้อย่างคล่องตัว ขับเที่ยวจนหิวข้าว จอดพักที่ไหนก็สามารถทำอาหารกินกันได้ทันที พูดไปแล้วก็นึกถึงของวิเศษจากกระเป่าโดเรมอน  แต่มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ เป็นได้แบบนั้นจริงๆ  โดดยทีมงานจัดกระทะปิ้งย่างมาให้ทานเป็นอาหารเช้า โดยต่อปลั้กออกมาจากท้ายรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์พีเอชอีวี ใหม่  ที่สามารถผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ เพียงการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ  หากที่บ้านไฟฟ้าดับ ก็สามารถต่อพ่วงจากรถคันนี้ไปใช้ภายในบ้านได้ เหมือนรถในการ์ตูนยอดนิยมจริงๆ

เสร็จจากอาหารเช้า ได้เริ่มการทดสอบขับมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ รอบกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากการทดสอบขับด้วยโหมดอีวี ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยไม่ใช้น้ำมันและยังไม่ปล่อยไอเสียเลย  โดยตลอดการเดินทางผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบาย ความกว้างขวางและความหรูหราเหนือระดับของห้องโดยสารที่ครบทุกฟังก์ชันของความสะดวกสบาย เบาะหนังดีไซน์ใหม่แบบ ‘ไดมอนด์ควิลติ้งคัท’ ให้ความสะดวกสบายและยังสามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ตลอดการเดินทาง  พร้อมกันนี้ ผู้โดยสารยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านระบบปฏิบัติการไอโอเอสและแอนดรอยด์ที่รองรับฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆมากมาย

เมื่อออกสู่ย่านชานเมืองโดยใช้เส้นทางถนนวงแหวนรอบนอกสื่อมวลชนยังได้มีโอกาสการทดสอบขับทั้ง โหมดซีรีย์ ไฮบริดและโหมดพาราเรล ไฮบริดเพื่อทดลองสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับ โดยโหมดซีรีย์ ไฮบริดขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และโหมดพาราเรลไฮบริดเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน โดยการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกรีเจนเนอร์เรทีฟที่สามารถจ่ายพลังงานคืนเพื่อการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่ รวมทั้ง ชาร์จโหมด ที่สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับไปยังแบตเตอรี่ได้จนเกือบเต็มในขณะขับขี่

พร้อมกันนี้ตลอดเส้นทางการทดสอบขับ สื่อมวลชนยังได้มีโอกาสทดสอบระบบความปลอดภัยที่ครบครันและเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันอาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW)พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA)  และระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC)ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด

สำหรับการทดสอบขับในช่วงบ่ายที่เป็นแบบฟรีรัน เพื่อขับกลับมายังสนามทดสอบ อิมแพ็ค ริมทะเลสาบที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พิสูจน์สมรรถนะของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ ซึ่งมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC(3)มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม.พร้อมอัตราเร่งและแรงบิดที่ดีเยี่ยม หมดกังวลเรื่องระยะทางการขับขี่ประหยัดน้ำมัน พร้อมการขับขี่ที่นุ่มนวลตลอดการเดินทาง

สิ่งที่โดดเด่นมากในมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่  คือระบบขับเคลื่อน โดยได้รับการถ่ายทอด DNA  มาจากมิตซูบิชิ ปาเจโร่ แชมป์โลกจากแรลลี่ ดักการ์  และมิตซูบิชิ อีโวลูชั่น X แชมป์โลกจากเวิลด์ แรลลี่  ทำให้ช่วงท้ายของการทดสอบ  ทีมงานจัดหนักให้ลองสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อน4 ล้อซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC)ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้นประกอบด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อกAnti-Lock Braking (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวActive Stability Control (ASC) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวาActive-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลังควบคุมแบบอิสระทั้ง4 ล้อพร้อมเสถียรภาพเพิ่มสมรรถนะและการควบคุมมั่นใจทุกการเข้าโค้ง   ผู้ขับขี่จึงได้สัมผัสกับสมรรถนะการควบคุมและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน4 ล้อซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC)ที่เหนือกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไปได้อย่างเต็มที่

และที่สนามทดสอบ อิมแพ็ค ริมทะเลสาบ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พิสูจน์สมรรถนะของระบบขับเคลื่อน4 ล้อซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC)เพิ่มเติม ด้วยกิจกรรมการทดสอบขับรูปแบบพิเศษ ประกอบด้วย การทดสอบอัตราการเร่ง ระบบการควบคุมระบบเบรก และระบบเสถียรภาพด้วยการเข้าโค้งแบบวงกลม ที่แสดงให้เห็นอีกครั้งถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC)ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เกาะโค้งหนึบ  เกาะถนนแน่น และสามารถขับเคลื่อนได้บนทุกสภาพถนน โดยเฉพาะเหมาะมากสำหรับการเดินทางในช่วงหน้าฝนที่ถนนเปียกลื่น สร้างความมั่นใจในการขับขี่มากกว่าเดิม

ภาพรวมของการทดสอบขับครั้งนี้ ต้องยอมรับความเหนือระดับของมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ที่สามารถขับขี่ได้ง่ายดาย โม่มีความกังวลในด้านระยะทางการขับขี่ มีมลพิษที่ต่ำ และประหยัดน้ำมันได้มากกว่า มีสมรรถนะที่เหนือกว่าทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์แบบไฮบริด และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เหมือนได้รถหลายๆประเภท มารวมอยู่ในร่างเดียวกัน มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่จึงเป็นรถยนต์ทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานมั่นใจได้ในความทนทานพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและมีค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่ มีสีให้เลือก 2 รุ่นโดยรุ่นเริ่มต้น จีทีมีราคาจำหน่ายที่ 1,640,000 บาท และรุ่นจีที พรีเมียมมีราคาจำหน่ายที่1,749,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น เจ้าของรถหมดความกังวลในด้านค่าบำรุงรักษาไปแล้ว เพราะมิตซุบิชิ เขาให้แพ็กเกจวอรี่ ฟรี(worry-free) ประกอบด้วย ฟรี รับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร ฟรี มิตซูบิชิ เซอร์วิส แพ็กเกจ5 ปี, ฟรีช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี, ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี, ฟรี รับประกันคุณภาพพร้อมค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี และ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถก่อน 30 เมษายน 2564 รับค่าสนับสนุนการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านรวมมูลค่าสูงสุด 20,000 บาท