เศรษฐกิจ

กิน-เที่ยวเศรษฐกิจไลฟสไตล์

เมล่อนอินทรีย์ สหกรณ์วัดจันทร์ สร้างอาชีพ-รายได้ยั่งยืนให้เกษตรกร

สหกรณ์วัดจันทร์ จังหวัดพิษณุโลก เมินราคาผักตกต่ำ หันส่งเสริมสมาชิกปลูกเมล่อนอินทรีย์ พืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาแรง  ปลูกง่าย ขายคล่อง ราคาพุ่ง กำไรงาม รสชาติดีจนลูกค้าติดใจ ตลาดยังมีความต้องการ แถมราคาถูกกว่าห้าง               สร้างอาชีพยั่งยืนให้เกษตรกร เตรียมขยายโรงเรือนปลูกเพิ่มพร้อมฝึกสมาชิกนำไปปลูกเองที่บ้าน เน้นทำคุณภาพและขายตามออเดอร์  เตรียมแผนขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม พร้อมหาตลาดรองรับเพิ่มเพื่อกระจายเมล่อนสู่ผู้บริโภคในราคาไม่แพง นางกัญญา งามสงวน ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์วัดจันทร์ จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จในการส่งเสริมอาชีพปลูกเมล่อนอินทรีย์  ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ว่า สหกรณ์ได้ส่งเสริมสมาชิกหันมาปลูก            เมล่อนอินทรีย์ ในลักษณะปลูกในโดม  ซึ่งสหกรณ์มีเป้าหมายที่จะสร้างอาชีพสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับสมาชิกและเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดสารพิษให้กับผู้บริโภค ที่ผ่านมา สหกรณ์ได้เริ่มต้นส่งเสริมสมาชิกปลูกผักบุ้งอินทรีย์ปลอดสาร  เป็นเวลา 1 ปี แต่เจอกับอุปสรรคเรื่องราคาผักบุ้งตกต่ำ ไม่มีตลาดรองรับและไม่คุ้มค่าแรง จึงได้หาความรู้เพิ่มเติม โดยเข้าอบรมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ที่ได้มาสนับสนุนโครงการปลูกพืชทางเลือกและผักปลอดภัยเพื่อเพิ่มรายได้เสริมให้กับกลุ่มสมาชิก  ได้เรียนรู้วิธีการปลูกเมล่อนตามนโยบายยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและสร้างมูลค้า เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น  และพัฒนาให้เป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกร “สหกรณ์ได้รับคำแนะนำจากสำนักงานเกษตรจังหวัดในการเรียนรู้วิธีการปลูกเมล่อน ใช้เวลาเพียง 60 วัน                 ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปขายได้ และได้เตรียมตลาดไว้รองรับผลผลิตของสมาชิก เพื่อช่วยกระจายไปสู่ผู้บริโภค จากนั้นสหกรณ์จึงลงทุนสร้างโรงเรือนกลางของสหกรณ์ใช้งบประมาณ 600,000 บาท เนื่องจากเห็นว่าเมล่อน เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังมาแรงที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน อีกทั้งกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก หากมีตลาดรองรับชัดเจน ก็จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม เชื่อว่าในอนาคตเมล่อนจะทำเงินให้กับเกษตรกรได้อย่างงดงาม ต่อมาสหกรณ์ได้หันมาปลูกเมล่อนอินทรีย์ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี โดยซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อนพันธุ์กรีนเน็ตมาปลูก ซึ่งทำให้ผลผลิตมีรสชาติดี เนื้อนุ่ม หวาน หอม มีทั้งสีส้มและเขียว ปัจจุบันขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ถ้าซื้อเหมาถึงฟาร์มขายราคากิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งถูกกว่าตามห้างทั่วไปและยังปลอดสารด้วย เพราะ อยากให้ผู้บริโภคได้กินเมล่อนปลอดสารและราคาที่ไม่แพง”นางกัญญา กล่าว...
งานแสดงรถยนต์รถยนต์ในประเทศเศรษฐกิจเศรษฐกิจมหาภาค

สภาอุตฯเพิ่มเป้าผลิตรถยนต์ เป็น 2.08 ล้านคัน

เศรษฐกิจไทยฉลุย สภาอุตฯปรับเป้าการผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 2.08 ล้านคัน โดยคงเป้าผลิตเพื่อส่งออก 1.1 ล้านคัน และเพิ่มเป้าผลิตเพื่อขายในประเทศ เป็น 9.8 แสนคัน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ.2561 ซึ่งปรับใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2561 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้ รถยนต์ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ.2561 ปรับเพิ่มเป้าการผลิตจากเป้าเดิมอีก 80,000 คัน เป็นผลิต 2,080,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ.2560 ที่ผลิตได้ 1,988,823 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.58 % ผลิตเพื่อส่งออก คงเป้าเดิม 1,100,000 คัน เท่ากับ 52.88% ของยอดผลิตทั้งหมด ลดลงจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1,126,432 คัน หรือลดลง 2.35 % ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ปรับเพิ่มเป้าจากเป้าเดิมอีก 80,000 คัน เป็นผลิต 980,000 คัน เท่ากับ 47.12 % ของยอดผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 862,391 คัน หรือเพิ่มขึ้น 13.64 % เป้าขายในประเทศเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น ดัชนีรายได้เกษตรกรดีขึ้น รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมดีขึ้น ส่วนการส่งออกคงเป้าเดิม เพราะยังกังวลสงครามการค้าที่อาจขยายตัวขึ้น ค่าเงินสกุลต่างๆ ผันผวนซึ่งอาจฉุดการค้าโลกและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้ ราคาน้ำมันดิบผันผวนและกระแสเงินไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดด้วย  ...
รถยนต์ในประเทศเศรษฐกิจ

แค่ 7 เดือนมาสด้าโกย 4 หมื่นคัน

มาสด้าปรับภาพลักษณ์โชว์รูมก้าวขึ้นสู่พรีมี่ยมแบรนด์ได้อย่างชัดเจน จนทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และส่งผลถึงยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อ ล่าสุดเดือนกรกฎาคม มียอดพุ่งสูงถึง 6,362 คัน เติบโตถึง 62% ส่งให้ยอดขายรวมสะสม 7 เดือน พุ่งแตะเกือบ 40,000 คัน นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในปีนี้เองมาสด้าจะไม่ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเหมือนอดีต แต่ผมถือว่าเราทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ต้นปี เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ลูกค้ายังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดีกับรถยนต์ในทุกรุ่นที่มีการปรับโฉม ทั้งรถยนต์มาสด้า2 และมาสด้า3 ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่ 2018 คอลเลคชั่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านได้สร้างทราฟฟิกโชว์รูม มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมและทดลองขับอย่างล้นหลาม ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่กำลังมองหารถคอมแพคเอสยูวีที่ยังคงอัดแน่นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและฟีเจอร์ต่างๆ ใส่เข้ามาจนล้นคัน เพื่อให้ทุกคนสามารถสัมผัสถึงสมรรถนะอันทรงพลังและเทคโนโลยีอัจฉริยะของรถมาสด้าได้ในทุกรุ่น สำหรับยอดขายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา น้องเล็กอย่างมาสด้า2 ยังคงครองใจผู้บริโภคอย่างท่วมท้น ด้วยจำนวนยอดขายสูงถึง 4,346 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 73% ส่วนอีกรุ่นที่มาแรงไม่แพ้กัน กระแสตอบรับดีตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันที่ยังคงตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า กับรถอเนก ประสงค์เอสยูวี ออลนิว มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 618 คัน มีอัตราการเติบโต 96% ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น มาสด้า3 จำนวน 553 คัน เพิ่มขึ้น 46% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายจำนวน 625 คัน เพิ่มขึ้น 38% ส่วนมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ยอดขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 220 คัน ลดลงเล็กน้อย 14% ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าทั้งหมดในเดือนกรกฎาคมปิดตัวเลขอยู่ที่ 6,362 คัน หรือเติบโตสูงถึง 62% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่งดงามของมาสด้ามาโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี...
คมนาคมนวัตกรรมรถเพื่อการพาณิชย์

เอฟอีวี สยายปีกรุกธุรกิจในเอเชีย ภายใต้บริษัท เอฟอีวี (ไทยแลนด์) จำกัด

เอฟอีวี บริษัทผู้พัฒนาระบบยานยนต์รายใหญ่จากเยอรมนี ประกาศรุกธุรกิจในเอเชียด้วยการเปิดตัวบริษัทสาขาแห่งใหม่ในไทยที่กรุงเทพมหานคร โดยสถานที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ภายใต้ชื่อ เอฟอีวี (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเกิดจากการประสานความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและลูกค้า เพื่อความต่อเนื่องในการการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาระบบยานยนต์ เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังยานยนต์ ตลอดจนระบบพลังงานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แบตเตอรี่และเซลล์เชื้อเพลิง(fuel cell) ในเอเชีย โดยภายหลังพิธีเปิดบริษัทสาขาดังกล่าวแล้วได้มีการประชุมในหัวข้อ “ ทางออกของพลังงานขับเคลื่อนยานยนต์ในอนาคต” อีกด้วย นายสเตฟาน พิชชินเกอร์  ประธานและซีอีโอ ของเอฟอีวีกรุ๊ป กล่าวว่า  “ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีสำหรับระบบขับเคลื่อนในอนาคตเพื่ออากาศที่สะอาดไร้มลพิษ แหล่งพลังงานที่ปลอดภัยและยั่งยืนกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงกำลังเป็นที่ต้องการจากทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเอฟอีวี เป็นบริษัทที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสิ่งเหล่านี้เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อระบบยานยนต์ในอนาคต” นายอันด์ ไชน์ด ซีอีโอ ของเอฟอีวี เอเชีย กล่าวว่า “มหานครขนาดใหญ่ที่มีประชากรและรถยนต์จำนวนมหาศาลอย่างกรุงเทพ สามารถลดมลพิษและพัฒนาคุณภาพของอากาศได้ด้วยเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบยานยนต์ของเอฟอีวี เช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รวมถึงการขับเคลื่อนของรถที่ใช้สองและสามล้อด้วย สิ่งสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นคือ ต้องเข้าถึงความต้องการและให้การสนับสนุนลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ” บริษัท เอฟอีวี กำลังจะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการต่างๆของไทย โดยพัฒนาปรับปรุงระบบขับเคลื่อนแบบเดิมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการจัดส่งอุปกรณ์ทดสอบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยได้จัดส่ง อุปกรณ์ทดสอบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระบบตรวจสอบและควบคุม คุณภาพตลอดจนการจัดหาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการพัฒนาของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของไทยในยุค 4.0 นายอันเดรย์ สพุงศ์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท เอฟอีวี (ไทยแลนด์) จำกัด มีประสบการณ์ในการทำงานกับเอฟอีวีมายาวนานถึง20ปีและมีความคุ้นเคยกับภูมิภาคในเอเชีย โดยก่อนหน้านี้เคยเป็น ซีอีโอของ บริษัทเอฟอีวี ประจำประเทศจีนรับผิดชอบงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หลังจากที่เคยดูแลปฏิบัติการทดลองระบบส่งกำลังยานยนต์ในประเทศอินเดียมาก่อน เกี่ยวกับเอฟอีวี เอฟอีวี เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการพัฒนายานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอาเคิน ประเทศเยอรมนี มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย ทั้งในด้านการให้คำปรึกษาพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ ระบบส่งกำลัง ตัวถังรถยนต์ ระบบเกียร์ ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดและพลังงานไฟฟ้ารวมไปถึงเชื้อเพลิงทดแทนที่เพิ่มความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน นอกจากนี้ เอฟอีวียังมีความเชี่ยวชาญในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบควบคุมอิเลกทรอนิกส์ที่เป็นกลไกในการเชื่อมต่อระบบขับเคลื่อนทั้งหมดเข้าด้วยกันโดยเฉพาะในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เอฟอีวี กรุ๊ป มีพนักงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่ถึง 5,600 คนในบริษัทสาขา 40  แห่งในสี่ทวีปทั่วโลก...
อสังหาฯเศรษฐกิจไลฟสไตล์

ผุด “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ”

1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ร่วมกับ MQDC โชว์โปรเจ็กต์มาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” มูลค่า 4,800 ล้านบาท คอนโดมิเนียมหรูต้นทองหล่อ นิยามของการสร้างสรรค์งานศิลปะและงานฝีมือชั้นสูง “Minimal Luxury” พร้อมผสานนวัตกรรม Intelligent Technology นางสาวธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับมาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท คอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use)  ระดับอัลตร้าลักชัวรี่ โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ - THE STRAND THONGLOR” ตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ            (สุขุมวิท 55) ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ เพียง 30 เมตร เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 46 ตารางวา หรือ 2,584 ตารางเมตร มีจำนวนทั้งสิ้น 198 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ได้แก่ 1-Bedroom (1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ) มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่...
กิจกรรม & CSRกิน-เที่ยวมาร์เก็ตติ้งเศรษฐกิจไลฟสไตล์ไลฟสไตล์

งาน มหัศจรรย์พันธุ์ไม้เมืองหนาวครั้งที่ 7

งานมหัศจรรย์พันธุ์ไม้เมืองหนาว เฉลิมพระเกียรติฯ เปิดรับคลื่นมหาชน ชื่นชมความงดงามและ พันธ์ไม้เมืองหนาวที่ได้จากนวัตกรรมก๊าซธรรมชาติภายในโดมเย็น ที่ถูกเนรมิตเป็น ทุ่งดอกทิวลิปหลากสี ดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ใหม่ ดอกดาเลียขนาดยักษ์ ดอกดิจิทาลิสสีสวย ชื่นชมดอกซากุระจากต้นจริง ไร่สตรอเบอรี่ และสีสันอื่นๆอีกมากมาย งาน มหัศจรรย์พันธุ์ไม้เมืองหนาวครั้งที่ 7 : ทิวลิปบานที่ระยอง ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-15 สิงหาคม 2561 ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ภายใต้คอนเซปต์ THE BLOOMING OF HAPPINESS : ทิวลิปบาน เทศกาลแห่งความสุข ฤดูกาลแห่งความสุขที่กำลังผลิบานอีกครั้ง กับเทศกาลความงดงามของดอกทิวลิปและดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์  ภายในโดมยักษ์ พื้นที่ กว่า 4,500 ตารางเมตร  มีดอกไม้เมืองหนาวหลากสายพันธุ์ รวมกว่า 100,000 ต้น ที่สามารถนำมาปลูกได้ในอากาศเมืองร้อนอย่างประเทศไทย เช่น ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ ดอกดาเลีย ดอกไฮเดรนเยีย ดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิส และต้นสตรอเบอรี Harumiki (ฮะรุมิกิ) สตรอเบอรี่สายพันธุ์ Akihime (อากิฮิเมะ) สายพันธุ์แท้จากประเทศญี่ปุ่น ที่ทาง ปตท. ได้นำพลังงานความเย็นไปใช้เพื่อปลูกและพัฒนาขยายพันธุ์ เพื่อส่งต่อความรู้ให้กับชุมชน นายสมนึก แพงวาปี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ แยกก๊าซธรรมชาติ  ปตท.กล่าวว่า  หลังจาก ในปี 2553 ปตท. โดย โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง ริเริ่ม โครงการการใช้ความเย็นและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในการวิจัยไม้เมืองหนาว ตามโครงการในพระราชดำริฯ เมื่อประเทศไทยเริ่มนำเข้า  ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาเป็นแหล่งพลังงานสำรอง ตอบสนองความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น โดยค้นพบว่ามี “พลังความเย็น” จำนวนมากที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเปลี่ยนสถานะ LNG...
กิจกรรม & CSRกิน-เที่ยวมาร์เก็ตติ้งไลฟสไตล์ไลฟสไตล์

10 ปี “โตโยต้าปลูกป่านิเวศ”

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นำคณะผู้บริหารของบริษัทฯ พร้อมด้วย พนักงานโตโยต้าจิตอาสา สมาชิก Toyota CSR Facebook และ สมาชิก Toyota Group Environment Network กว่า 200 คน ร่วมกิจกรรมครบรอบ 10 ปี “โตโยต้าปลูกป่านิเวศ” (Eco-Forest) ภายใต้โครงการ “โตโยต้าเมืองสีเขียว..เพื่อธรรมชาติ เพื่อทุกชีวิต” ทำการปลูกต้นไม้ครบ 1,350,000 ต้น ในระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ณ โรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จาก “พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593” ที่มีเจตนารมณ์ในการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เติบโตควบคู่กันไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงได้มุ่งมั่นในการดำเนินงานในทุกกระบวนการอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเผยแพร่องค์ความรู้ สร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่สังคมไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆภายใต้โครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว…เพื่อธรรมชาติ เพื่อทุกชีวิต” โดยมีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น เมืองสีเขียว เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของชุมชนเมือง กิจกรรม “โตโยต้าปลูกป่านิเวศ” (Eco-Forest) ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ “โตโยต้าเมือง สีเขียว..เพื่อธรรมชาติ เพื่อทุกชีวิต” ที่ได้ดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เริ่มต้นจากการปลูกป่าภายในบริเวณโรงงานบ้านโพธิ์ จำนวนกว่า 100,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 30 ไร่ และมีการเจริญเติบโตเต็มที่ตามธรรมชาติ จนกลายเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศ เกิดเป็นความหลากหลายทางชีวภาพของทั้งพืชและสัตว์ ที่มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าของโรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ และได้ยกระดับสู่การเป็น ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” ที่ปัจจุบันได้เปิดให้บรรดานักเรียน นักศึกษา...
คมนาคมนวัตกรรมเศรษฐกิจไลฟสไตล์ไลฟสไตล์

นิสสันร่วมงาน Blognone Tomorrow

ในงาน Blognone Tomorrow ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก นิสสันได้นำเสนอความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมพลังงานขับเคลื่อน Nissan Intelligent Power นวัตกรรมการขับขี่ Intelligent Driving และนวัตกรรมการบูรณาการของยานยนต์สู่สังคม Intelligent Integration ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของนิสสันในการเปลี่ยนรูปแบบชองการขับขี่และการใช้ชีวิตในอนาคต ด้านนายวินเซนต์ ไวจ์เนน รองประธานอาวุโส นิสสัน เอเชีย และโอเชียเนีย (Vincent Wijnen, senior vice president for Nissan Asia and Oceania) กล่าวว่า นิสสันมีความเข้าใจในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียนที่ต้องการ การเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่หรือขณะเป็นผู้โดยสารในรถ "ในปี 2020 ผู้ซื้อรถใหม่ 40% จะเป็นคนยุคมิลเลนเนียลที่คุ้นเคยกับโลกดิจิตอล ต้องการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกๆวัน รถยนต์จะเป็นมากกว่ายานพาหนะที่ช่วยให้เราย้ายจากจุด A ไปยังจุด B รถยนต์จะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์พวกเขา นิสสันมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีความเพลิดเพลิน ปลอดภัย และยังยั่งยืน ผ่านแนวคิด Nissan Intelligent Mobility ของเรานี้ซึ่งเริ่มต้นด้วยการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า. จากการศึกษาของนิสสันร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Frost & Sullivan พบว่าผู้บริโภคชาวไทยกว่า 40% เปิดใจพร้อมซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์คันถัดไป และ นิสสันลีฟ (LEAF) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกจะเปิดตัวในประเทศไทยภายในปีงบประมาณ 2561 ของบริษัทฯ นับเป็นผู้นำในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่มีส่วนสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านขับเคลื่อนและสิ่งแวดล้อม นาย ไวจ์เนน ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า "เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ของนิสสันให้ประสบการณ์การขับขี่แบบเดียวกับรถไฟฟ้าแต่ไม่ต้องใช้การชาร์จไฟด้วยการเสียบปลั๊กกับตัวรถ อี-พาวเวอร์จะใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กผลิตไฟเพื่อชาร์จสู่แบตเตอรี่แทน ในการอภิปรายเกี่ยวกับการขับขี่แบบอัตโนมัติ นายไวจ์เนน ได้ยกประเด็นผู้บริโภคในอนาคตจะใช้เวลาในการติดต่อกับเพื่อนหรือเข้าสังคมออนไลน์มากกว่าให้ความสนใจกับการจราจรติดขัด "ที่นิสสัน เราเชื่อมั่นในการสร้างทางเลือกแก่ผู้คน และเรามีทางเลือกในการขับขี่ให้กับลูกค้าของเรามากขึ้น เทคโนโลยี ProPILOT ซึ่งปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้วในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราได้รับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีของนิสสันชนิดนี้...
กิจกรรม & CSRกิน-เที่ยวเศรษฐกิจไลฟสไตล์ไลฟสไตล์

คาราวานเงาะนาสารส่งตรงถึงเหนือและอีสาน

สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด เร่งระบายเงาะโรงเรียนนาสารออกสู่ตลาด หวั่นผลผลิตกระจุกตัวในพื้นที่ ปล่อยคาราวานรถขนเงาะส่งขายให้เครือข่ายสหกรณ์ในเขตกรุงเทพฯ ภาคเหนือและอีสานว 7 แห่ง รวม 28.3 ตัน  ขณะที่สิงค์โปรสั่งซื้อเงาะจากสหกรณ์วันละ6 ตัน มั่นใจเงาะคุณภาพตลาดต้องการพร้อมติดป้ายสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าตรวจสอบย้อนกลับได้หากไม่พอใจสินค้า ไร้กังวลเงาะราคาตกต่ำ ส่งขายเองไม่ผ่านคนกลาง คาดระบายเงาะหมดภายในเดือนกันยายน.นี้ นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานปล่อยคาราวานเงาะโรงเรียนนาสารซึ่งเป็นเงาะจากพื้นทีเกษตรแปลงใหญ่ จำนวน 10 คันปริมาณ 28.3 ตัน  เพื่อส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน และภาคเหนือ จำนวน 7 สหกรณ์  ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จ.ร้อยเอ็ด 14.8 ตัน 2.สหกรณ์การเกษตรเมืองลับแล จำกัด จ.อุตรดิตถ์  2.7 ตัน 3.สหกรณ์การเกษตรปราสาท จำกัด จ.สุรินทร์ 2.7 ตัน 4.ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 2.7 ตัน 5.สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด จ.นครราชสีมา 4.7 ตัน 6.สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด จ.ลำพูน 2.7 ตัน แลกกับลำใยของจังหวัดลำพูน 3 ตัน  7.ชุมนุมสหกรณ์แห่งประเทศไทย จำกัด 3 ตัน ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการกระจายผลไม้ผ่านขบวนการสหกรณ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการกระจายผลผลิตเงาะออกสู่ตลาดปลายทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปัญหาราคาเงาะตกต่ำโดยเฉพาะในช่วงเดือนก.ค. - ก.ย. นี้ เนื่องจากผลผลิตออกพร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด เป็นผู้รวบรวมเงาะคุณภาพจากสหกรณ์ฯ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาไม้ผลเพิ่มพูลทรัพย์ ตำบลลาพูน อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อนำมาจัดส่งกระจายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ ด้านนายธวัชชัย เทพเลื่อน ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ได้ปล่อยเงาะโรงเรียนออกสู่ตลาดและส่งจำหน่ายให้เครือข่ายสหกรณ์จังหวัดต่างๆทั่วประเทศแล้วจำนวน ...
มาร์เก็ตติ้งเศรษฐกิจเศรษฐกิจมหาภาคไลฟสไตล์ไลฟสไตล์

“เจอร์ไฮ” จับมือ “ดองวอน”บุกขายในเกาหลีใต้  

เจอร์ไฮ เล็งขยายช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขในเอเชีย ลงนามความร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารชั้นนำในระดับ Top5 ของเกาหลีใต้ Dongwon F&B Co., Ltd.  พร้อมนำเข้าวัตถุดิบอาหารสำเร็จรูปจากดองวอน นายสุธา ด่านเสริมสุข รองกรรมการผู้จัดการ ด้านการค้าต่างประเทศ บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจ จำกัด เปิดเผยว่า  การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ดำเนินการในนาม บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลเพ็ทฟู้ด จำกัด และ บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของซีพีเอฟ ขณะที่ บริษัท ดองวอน เอฟ แอนด์ บี จำกัด เป็นผู้ผลิตอาหาร-เครื่องดื่มแถวหน้าของเกาหลีใต้ ที่มีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงการจัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์  จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ได้มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะนำร่องด้วยการส่งผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข “เจอร์ไฮ” เข้าไปจำหน่ายยังตลาดกลุ่มผู้รักการเลี้ยงสัตว์ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างมากในเกาหลีใต้  นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลนีการผลิตด้วย ขณะเดียวกัน บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด จะนำเข้าวัตถุดิบในการปรุงอาหารอันมีชื่อเสียงจากดองวอน อาทิ ชีส สาหร่าย และแผ่นปลาทะเล เพื่อใช้เป็นส่วนผสมสำหรับการสร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ๆ ตอบสนองผู้บริโภคชาวไทยทุกเพศทุกวัย รวมถึงคัดเลือกผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆของดองวอนเข้ามาทดลองตลาดในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ Dongwon F&B Co., Ltd. เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มอาหารกระป๋อง เช่น ทูน่ากระป๋อง อาหารว่างเช่นไส้กรอก สาหร่าย ตลอดจน ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหารเสริม โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง จัดเป็นธุรกิจอาหารยักษ์ใหญ่ระดับ Top5 ของเกาหลีใต้...
1 46 47 48 49 50
Page 48 of 50