นวัตกรรม

นวัตกรรม

จากัวร์สู้ศึกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เคาะราคาI-PACE เริ่มแค่ 5.499 ล้าน

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ JAGUAR I-PACE (จากัวร์ ไอ-เพซ)นำเสนอสมรรถนะที่ยั่งยืนด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 5,499,000 บาท สำหรับรุ่น Sพร้อมมอบแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรี Wallboxสำหรับการชาร์จไฟรถยนต์จากัวร์ไอ-เพซพร้อมกันนี้ทางจากัวร์ได้ประกาศปรับราคาจำหน่ายเริ่มต้นรถยนต์ รุ่น E-Pace (อี-เพซ)...
นวัตกรรม

โตโยต้า คัมรี คว้า 5 ดาว จาก ASEAN NCAP

รถยนต์ซีดานขนาดกลางสุดหรูรุ่นล่าสุด “โตโยต้า คัมรี” ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนรถใหม่ในอาเซียน หรืออาเซียน        เอ็นแคป (ASEAN NCAP) ตามหลักเกณฑ์การประเมินผลแบบใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2560 – 2563 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562...
นวัตกรรม

บ๊อชปลื้มยอดขายปี 61 พุ่งเป็น7.79 หมื่นล้านยูโร

กลุ่มบริษัทบ๊อชเดินหน้าสานต่อความสำเร็จทางธุรกิจแม้อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่ซบเซา โดยสามารถสร้างยอดขายและผลประกอบการของปี 2561 ได้ในระดับสูงมากเทียบเท่าปีก่อนหน้า จากตัวเลขผลประกอบการเบื้องต้นพบว่า ในปีที่ผ่านมา บ๊อชซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 7.79 หมื่นล้านยูโร แม้จะได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนถึง 2.1 พันล้านยูโร ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนหน้าหลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว “แม้สภาวะทางเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยแต่บ๊อชก็สามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้ในปีที่ผ่านมาเห็นได้จากยอดขายและผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง” ดร.โวคมาร์ เดนเนอร์ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบ๊อชกล่าวในงานแถลงข่าวผลประกอบการเบื้องต้นของบริษัทฯ “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม...
นวัตกรรม

มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ปลอดภัยรอบคัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มุ่งมั่นออกแบบ พัฒนาและผลิตรถกระบะชั้นนำที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยีและความแกร่งทนทาน มาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ทั้งนี้มิตซูบิชิ มอเตอร์สให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความปลอดภัยมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของการผลิตรถกระบะ แม้ในยุคนั้นการใช้งานรถกระบะจะเน้นไปในเชิงพาณิชย์ และอีกกว่า 20 ปีต่อมาการใช้รถกระบะแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจึงกลายเป็นที่นิยม ด้วยเหตุนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จึงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับรถกระบะนอกเหนือจากด้านสมรรถนะในระดับแชมป์จากการแข่งขัน “สาเหตุที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมาตั้งแต่ยุคที่รถกระบะนิยมนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ เป็นเพราะทีมวิศวกรของเราเข้าใจดีว่าความสะดวกสบายช่วยส่งเสริมการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น” นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดความตึงเครียด ความกดดันและสร้างสมาธิให้แก่ผู้ขับขี่ พร้อมตอบสนองต่อทุกสถานการณ์และสภาพเส้นทางขณะขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ความสะดวกสบายยังช่วยทำให้ผู้โดยสารรู้สึกเพลิดเพลินตลอดการเดินทางสู่ทุกจุดหมาย” นายชกกิ กล่าว มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ยังคงได้รับการพัฒนาขึ้นตามแนวคิดดังกล่าว นับเป็นหนึ่งในรถกระบะที่มีอุปกรณ์ครบครันมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ทั้งในด้านระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยี หัวใจของความปลอดภัยและความสะดวกสบายในมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่คือโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution)ประกอบกับแชสซีส์ที่แกร่งทนทานพร้อมคุณสมบัติยืดหยุ่น ผ่านการทดสอบในภูมิประเทศสุดทุรกันดารทั่วโลก ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถดูดซับแรงกระแทกและต้านทานการเสียรูปทรงเพื่อการปกป้องผู้โดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตัวถังที่ทนทานแข็งแกร่งนี้ยังเสริมด้วยเหล็กกล้าที่ทนทาน ช่วยลดน้ำหนักแต่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างตัวถังนิรภัย ด้วยคุณสมบัติแข็งแกร่งและทนต่อแรงบิดตัวสูง โครงสร้างรถในภาพรวมจึงมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และแชสซีส์ที่แข็งแกร่งส่งผลให้ทีมวิศวกรสามารถทำการปรับแต่งระบบกันสะเทือนเพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นได้อย่างเต็มที่ โครงสร้างที่มั่นคงยังลดเสียงจากการสั่นสะเทือนและการเสียดสี เพื่อลดเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และความกระด้าง มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ จึงมอบสัมผัสที่หรูหราและสะดวกสบายยิ่งขึ้นให้กับภายในห้องโดยสาร รวมถึงการติดตั้งวัสดุป้องกันเสียงรบกวนและลดแรงสั่นสะเทือนในตำแหน่งสำคัญรอบตัวรถ เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันอันทันสมัยที่มีในมิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว โดยอาศัยกล้องและระบบเรดาร์เลเซอร์ตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนข้างหน้า ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน เพื่อเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอยู่ด้านข้างขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ตรวจจับว่ามีรถยนต์กีดขวางขณะถอยหลังหรือไม่และ ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเหยียบคันเร่งไปข้างหน้าหรือถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ระบบความปลอดภัยอันทันสมัยยังเพียบพร้อมด้วย กล้องมองภาพรอบคันที่ใช้กล้อง 4 ตัวจับภาพรอบคัน พร้อมภาพมุมสูงที่แสดงสิ่งกีดขวางรอบคัน และ เซ็นเซอร์กะระยะจอด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถ...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

จีเอ็มเผย 10 ปรากฎการณ์ยานยนต์ในปี 2562

จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งดูแลแบรนด์เชฟโรเลต โฮลเด้น และคาดิลแลคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ร่วมกับนายริชาร์ด วัตสัน นักอนาคตวิทยา ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ NowAndNext.com และผู้เขียนเรื่องดิจิทัลกับมนุษย์ (Digital Vs. Human) เผย 10 เทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าจับตามองในปี 2562 นายริชาร์ด วัตสัน กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ว่า “ในปี 2562 ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังมองไปยังอนาคตข้างหน้า ในขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ นั้นกลับหวนคิดถึงอดีต” แม้ว่าบางเทรนด์ที่เรากล่าวถึงในวันนี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในปี 2562 แต่เราเชื่อว่าอีกไม่นานคุณจะได้เห็นเทรนด์เหล่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งบางทีอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วการคาดการณ์ของนายริชาร์ดสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ตรงกันกับสิ่งที่จีเอ็ม โกลเบิลกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ในศตวรรษที่ 21 ดังนี้ ยานยนต์ไร้คนขับจะยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่า การพัฒนาการขนส่งแบบไร้คนขับ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถไฟ รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก และบางทีอาจจะพัฒนาไปถึงเครื่องบินในที่สุด ครูซ ออโตเมชั่น (Cruise Automation) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีเอ็ม กำลังเดินหน้าเพื่อจะนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AVs) เข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก ทั้งนี้ จีเอ็มนับว่าเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ด้วยการเปิดตัวระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ซูเปอร์ครูซ (Super Cruise semi-autonomous) ในรถคาดิลแลคที่จำหน่ายในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา การเติบโตและการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจหลักของจีเอ็มที่แข็งแกร่งและความต้องการของตลาดโลกที่มีต่อรถกระบะและรถอเนกประสงค์ ทำให้จีเอ็มสามารถลงทุนในเทคโนโลยีสำหรับอนาคตได้อย่างเต็มที่ เมื่อปี 2560 จีเอ็มประกาศแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 20 รุ่นภายในปี 2566 ในขณะเดียวกัน จีเอ็มได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของจีเอ็มควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น นับเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของจีเอ็ม เพื่อโลกที่ปราศจากอุบัติเหตุ มลพิษ และความแออัด การแบ่งขั้วระหว่างรถที่มีขนาดใหญ่/ขนาดเล็ก ราคาแพง/ราคาไม่แพง และรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม/ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ เดินหน้าลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า พวกเขาก็ยังคงผลิตรถกระบะและรถอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นกลุ่มรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค กลุ่มรถยนต์ดังกล่าวกำลังได้รับการพลิกโฉมด้วยความก้าวล้ำของจีเอ็มในด้านพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทางเลือกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ...
นวัตกรรม

ฮาร์ลีย์ฯเผยโฉม“ไลฟ์ไวร์”  มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรก

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติอเมริกันซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 115 ปี จัดแสดงนวัตกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นแรกของแบรนด์ภายใต้ชื่อ “ไลฟ์ไวร์ (LiveWire)” ภายในงานConsumer Electronics Show เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดเผยรายละเอียดฟังก์ชั่นการทำงาน ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีขั้นสูงของตัวรถและราคา โดยเชื่อมั่นว่า ไลฟ์ไวร์จะเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่ผสานประสาทสัมผัสของนักขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง โดยบริษัทกำหนดวันวางจำหน่ายและส่งมอบรถแก่ลูกค้าภายในปีนี้ มอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในการนำเสนอการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ภายใต้ดีไซน์คลาสสิก และการเชื่อมต่อออนไลน์กับผู้ขับขี่ในปัจจุบัน ไลฟ์ไวร์คือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่มอบประสบการณ์การเดินทางแบบสองล้อรูปแบบใหม่ ด้วยอัตราเร่งที่แรงเร้าใจ การควบคุมที่ฉับไวคล่องตัว โดดเด่นด้วยวัสดุและการเคลือบสีระดับพรีเมียมในทุกชิ้นส่วน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มอัตราและอินเตอร์เฟซเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่ออันไร้ที่ติ ไลฟ์ไวร์มอบประสิทธิภาพการขับขี่ขั้นสูงเพื่อนำเสนอประสบการณ์การเดินทางอันน่ารื่นรมย์สำหรับนักขี่ตัวจริง และในขณะเดียวกันด้วยการออกแบบเป็นมอเตอร์ไซค์แบบไม่มีคลัทช์ จึงทำให้นักขี่มือใหม่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน การเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์นี้ถือเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ปี 2027 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในการยืนหยัดธุรกิจในสหรัฐอเมริกัน การเร่งอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศ การดึงดูดและสร้างนักขี่รุ่นใหม่ในประเทศต่าง ๆ และการเสริมสร้างให้บริษัทก้าวขึ้นสู่สถานะผู้นำในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าสำหรับยานยนต์สองล้อแห่งอนาคต “เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อบนหน้าประวัติศาสตร์แห่งวิวัฒนาการการเดินทาง และฮาร์ลีย์-เดวิดสันก็อยู่แนวหน้าของเรื่องนี้” นายแมตต์ลาวาทิชประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™กล่าว “นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันมาโดยตลอด และการเดินทางบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเราครั้งนี้ ก็คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโอกาส ทั้งเพื่อนักขี่มอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันและนักขี่หน้าใหม่ในทุกระดับอายุและทุกวิถีชีวิต” ไลฟ์ไวร์คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของขุมพลัง ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีการขับขี่ ที่เปิดกว้างสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์หน้าใหม่ และมอบความเร้าใจสุดพลังแก่นักขี่ตัวจริง ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแรงเร้าใจ โดยไลฟ์ไวร์สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที ด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้าH-D Revelation จึงมอบแรงบิดได้เต็ม 100% ในทันทีที่บิดคันเร่งและคงแรงบิดแบบเต็มร้อยได้ทุกเวลาที่ต้องการ   นอกจากนี้ ยังขับขี่ง่ายสไตล์ Twist-and-go: เนื่องจากระบบไฟฟ้าไม่ต้องใช้คลัทช์และการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ไลฟ์ไวร์เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ง่ายต่อการขับขี่สำหรับมือใหม่ มาพร้อมระบบชาร์จอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเบรกเพื่อสร้างพลังงานสำหรับนำกลับมาใช้ใหม่โดยจะประจุไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองใหญ่ที่ต้องหยุดรถและออกตัวบ่อยครั้ง ไลฟ์ไวร์ติดตั้งระบบH-D Connect ซึ่งเชื่อมต่อนักขี่เข้ากับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน่วยควบคุมเทเลแมติกส์บนคลื่นความถี่แอลทีอี (LTE-enabled Telematics Control Unit) พร้อมการเชื่อมต่อและบริการคลาวด์ด้วยแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ด้วยระบบ H-D Connect นี้ ข้อมูลการขับขี่จะถูกเก็บรวบรวมและส่งต่อไปยังแอปพลิเคชั่นเพื่อนำเสนอชุดข้อมูลในสมาร์ทโฟน ซึ่งครอบคลุมข้อมูลด้านต่าง ๆ ได้แก่ ○            สถานะของมอเตอร์ไซค์:ระบบ H-D Connect จะบอกสถานะแบตเตอรี่และระยะทางที่เดินทางไปถึงได้จากที่ตำแหน่งตั้งหากมีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง...
นวัตกรรม

มาสด้าส่งรถต้นแบบ VISION COUPE สู่เมืองไทย

มาสด้าตอกย้ำความร้อนแรงจากการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางในการจัดงานสำคัญระดับโลกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยเผยปรัชญาการออกแบบอย่างหมดเปลือก ในแบบที่ไม่เคยมีค่ายรถยนต์ใดทำมาก่อน ที่สำคัญในวันนี้มาสด้าได้นำเอาต้นแบบ VISION COUPE ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป เพื่อให้ชาวไทยได้เห็นถึงเส้นสายอันทรงพลังของการออกแบบที่สง่างาม เพื่อนำไปสู่รถยนต์เจนเนอเรชั่นที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พวกเราทุกคนต่างภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานด้านการออกแบบรถยนต์อันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายสะสมรวมทั้งปีจะทะลุเกิน 1,000,000 คัน นับว่าเติบโตเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ในส่วนของมาสด้าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมนั้น มียอดขายสะสมแล้ว 57,402 คัน เติบโต 43% ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6.9% และประมาณการณ์น่าจะมากกว่า 65,000 คัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จ คือ การตอบรับอย่างดีจากลูกค้า การสร้างแบรนให้แข็งแกร่ง ประกอบกับการดำเนินงานด้านการตลาดที่แตกต่าง ผนวกกับการออกแบบที่โดดเด่น เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการขับขี่ที่สนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้า เราจะไปถึงเป้ายอดขายที่เราตั้งไว้โดยไม่ยาก พร้อมกันนี้มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบ MAZDA VISION COUPE จากประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เพื่อสื่อสารปรัชญาการออกแบบรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยมาสด้าได้เน้นย้ำในเรื่องของการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว หรือ SUSTAINABLE ZOOM–ZOOM 2030 คือยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสนใจในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างไรก็ตาม มาสด้ามองว่าการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้นั้น ต้องคำนึงถึงแหล่งกำเนิดพลังงานที่สะอาดด้วย มาสด้าจึงมีแนวคิดในเรื่องของ Well-to-Wheel เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันมาสด้ายังคงหาทางเลือกที่หลากหลายในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบขับขี่ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีไฮบริด เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสาร และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามีความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ยังพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา...
นวัตกรรม

เบนซ์ อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมพร้อมเข้าสู่งานมหกรรมจัดแสดงรถยนต์                 สุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี ‘มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018’ ส่งตรงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA จากต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุด จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้แก่  CLS 53 4MATIC+ มาเอาใจคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราระดับพรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเต็มพิกัด ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และน้องใหม่ ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S  พร้อมขนทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอีกกว่า 26 คัน    ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561  ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ ภายในบริเวณบูธ เราได้แบ่งโซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม อย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ Power เพื่อแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราได้ขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์   เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจำนวนกว่า 8 รุ่น ครบทั้งตระกูลครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ในรุ่น 45  ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ รถซาลูนรุ่นประกอบในประเทศ...
นวัตกรรม

มาสด้าอวดโฉมรถต้นแบบVISION COUPE ครั้งแรกในอาเซียน

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ประกาศจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ขึ้นครั้งแรกในอาเซียน เพื่อถ่ายทอดปรัชญาการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ เจนเนอเรชั่นใหม่ ผ่านรถต้นแบบ 2 คัน MAZDA RX-VISION และ VISION COUPE ที่นำเข้ามาจัดแสดงจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเผยทิศทางการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่นาน รวมทั้งเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของความมั่นคงด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทยและอาเซียน จากการเริ่มต้นแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และภายใต้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ในเจนเนอเรชั่นแรก มาตั้งแต่ปี 2556 ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าเติบโตแบบก้าวกระโดดขยับขึ้นครองอันดับสามของตลาดรถยนต์นั่งอย่างถาวร รวมทั้งก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันมีรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและภายใต้รูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ ด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี มีรถมาสด้าวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยกว่า 180,000 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 มียอดขายรวมสูงกว่า 110,000 คัน ตามมาด้วย มาสด้า3 จำนวนกว่า 30,000 คัน รถอเนกประสงค์มาสด้า CX-5 จำนวน 25,000 คัน และ CX-3 อีกจำนวน 15,000 คัน นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกของการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ซึ่งนับเป็นวาระสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างมิติใหม่ของวงการยานยนต์ในประเทศไทยที่บริษัทผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังและนวัตกรรมการออกแบบในรูปแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีความเข้าใจเรื่องปรัชญาการออกแบบของมาสด้ามากยิ่งขึ้น ด้วยทีมดีไซเนอร์ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น...
นวัตกรรม

นิสสัน ลีฟ กับภารกิจแหล่งสำรองไฟฟ้าของเยอรมนี

Nissan LEAF นิสสัน ลีฟ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเสมือนสถานีพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ ตามข้อกำหนดผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าของเยอรมนี นิสสัน ลีฟ มีส่วนช่วยสร้างก้าวสำคัญให้กับพลังงาน และการเคลื่อนที่ไร้มลพิษในเยอรมนี จากการคิดค้นนวัตกรรมด้านการชาร์จ และการจัดการพลังงานร่วมกับคู่ค้าอย่างโมบิลิตี้ เฮาส์ (Mobility House) บริษัทด้านเทคโนโลยี ENERVIE บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน และ Amprion ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับระบบส่งกำลัง ทุกบริษัทฯ คัดเลือก และรับรองให้ นิสสัน ลีฟ ผ่านข้อกำหนด และกฎระเบียบที่สำหรับการควบคุมกำลังไฟฟ้า นั้นหมายความว่า สามารถนำนิสสัน ลีฟเป็นแหล่งสำรองพลังงานสำหรับโครงข่ายไฟฟ้าของเยอรมนี นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการจัดตั้งเทคโนโลยีแบบ Vehicle-to-Grid หรือ V2G ในประเทศเยอรมนี "เราเชื่อมั่นในอนาคตที่ปราศจากมลภาวะ" นายกีโม เพ็ปเลอร์รา รองประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน เซ็นเตอร์ ยุโรป (Guillaume Pelletreau, Vice President and Managing Director, Nissan Center Europe)กล่าว "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ นิสสัน ลีฟได้รับการยอมรับว่าเป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่เหมาะสมสามารถคงความเสถียรและความถี่ของกระแสไฟฟ้าในของกริด โดยตัวแบตเตอรีของ ลีฟจะมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพลังงานในเยอรมนีและสร้างความยั่งยืนในอนาคต" เพื่อให้การวางโครงข่ายระบบไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนแยกออกจากส่วนกลางจะต้องมีการวางแผนอย่างดี และนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยสร้งเสถียรภาพให้กับโครงข่ายระบบไฟฟ้าของเยอรมันนี ประชากรมากมายให้ความสำคัญ และหันไปใช้พลังงานทดแทนซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้ผลิตไฟฟ้าในระยะสั้น จึงต้องมีการปรับสมดุลของแหล่งพลังงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นได้ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างนิสสัน ลีฟมีเทคโนโลยีการชาร์จสองแบบ มีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ มีระบบชาร์จแบบ CHAdeMO ไม่เพียงแต่จะดึงพลังงานไฟฟ้าจากกริดมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อใช้ในการขับขี่ แต่ในกรณีที่จำเป็นก็สามารถถ่ายพลังานกลับมาสู่โครงข่าย หรือ กริด ได้ซึ่งนี่คือแนวคิดที่เรียกว่า Vehicle-to-Grid (V2G)   รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันสามารถชาร์จได้ทั้งสองรูปแบบเป็นรากฐานสำคัญในการวางแผนเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านพลังานให้กับบริษัท ENERVIE ณ เมืองฮาเกน ประเทศเยอรมนี โดยนำนวัตกรรมอัจฉริยะในการชาร์จ และจัดการพลังานจากบ้าน ทำให้สามารถวางพื้นฐานที่บูรณาการเข้ากับโครงการนำร่อง ENERVIE ณ...
1 7 8 9 10 11 13
Page 9 of 13