กิจกรรม & CSR

ฮอนด้ามอบ 3 ล้านบาทช่วยผู้ประสบภัยปาบึก

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย นำโดย นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และนายวรพจน์ พรประภา  กรรมการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย มอบเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุวาตภัยจากพายุโซนร้อนปาบึกในพื้นที่ 18 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 212,784 ครัวเรือน ในงาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารปฏิบัติการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย เกิดจากการผนึกกำลังของกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด โดยการสมทบทุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮอนด้าเข้าเป็นกองทุนฉุกเฉินเพื่อใช้ในกิจกรรมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวไทยในยามต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนฮอนด้าฯ ได้อย่างทันท่วงที และสร้างประโยชน์สุขให้กับคนไทยดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป...
กิจกรรม & CSR

โตโยต้ามอบเงินพร้อมข้าวรัชมงคลช่วยเหลือผู้ประสบภัย

โตโยต้า มอบเงินช่วยเหลือ 1 ล้านบาท พร้อมข้าวรัชมงคล 10 ตันผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีร่วมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเป็นตัวแทนมอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 1ล้านบาท พร้อมข้าวรัชมงคลจำนวน 10 ตัน รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท แก่ “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” ผ่านรายการ “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้”เพื่อร่วมสนับสนุนกิจกรรมในการบรรเทาทุกข์แก่พี่น้องผู้ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ปาบึก”ที่สร้างผลกระทบต่อบ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนเพื่อช่วยฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยภาคใต้ ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วโดยมีนางพัชราพรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ ในวันที่ 7 มกราคม 2562 ณ ห้องส่ง อาคาร 5 อาคารปฏิบัติการ บมจ. อสมท. นอกจากนั้น โตโยต้าได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายฯ ขอส่งกำลังใจพร้อมช่วยดูแลผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ประสบภัย โดยการให้บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์รายการน้ำท่วมฟรี และมอบส่วนลดค่าแรงและค่าอะไหล่ 30% ให้กับรถยนต์ของลูกค้าโตโยต้าที่ประสบภัยอีกด้วย ในนามของครอบครัวโตโยต้า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการส่งความช่วยเหลือไปในพื้นที่ประสบภัยในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นอีกกิจกรรมที่สามารถขับเคลื่อนความสุขให้กับคนไทย...
นวัตกรรม

ฮาร์ลีย์ฯเผยโฉม“ไลฟ์ไวร์”  มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรก

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติอเมริกันซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 115 ปี จัดแสดงนวัตกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นแรกของแบรนด์ภายใต้ชื่อ “ไลฟ์ไวร์ (LiveWire)” ภายในงานConsumer Electronics Show เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดเผยรายละเอียดฟังก์ชั่นการทำงาน ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีขั้นสูงของตัวรถและราคา โดยเชื่อมั่นว่า ไลฟ์ไวร์จะเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่ผสานประสาทสัมผัสของนักขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง โดยบริษัทกำหนดวันวางจำหน่ายและส่งมอบรถแก่ลูกค้าภายในปีนี้ มอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในการนำเสนอการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ภายใต้ดีไซน์คลาสสิก และการเชื่อมต่อออนไลน์กับผู้ขับขี่ในปัจจุบัน ไลฟ์ไวร์คือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่มอบประสบการณ์การเดินทางแบบสองล้อรูปแบบใหม่ ด้วยอัตราเร่งที่แรงเร้าใจ การควบคุมที่ฉับไวคล่องตัว โดดเด่นด้วยวัสดุและการเคลือบสีระดับพรีเมียมในทุกชิ้นส่วน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มอัตราและอินเตอร์เฟซเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่ออันไร้ที่ติ ไลฟ์ไวร์มอบประสิทธิภาพการขับขี่ขั้นสูงเพื่อนำเสนอประสบการณ์การเดินทางอันน่ารื่นรมย์สำหรับนักขี่ตัวจริง และในขณะเดียวกันด้วยการออกแบบเป็นมอเตอร์ไซค์แบบไม่มีคลัทช์ จึงทำให้นักขี่มือใหม่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน การเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์นี้ถือเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ปี 2027 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในการยืนหยัดธุรกิจในสหรัฐอเมริกัน การเร่งอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศ การดึงดูดและสร้างนักขี่รุ่นใหม่ในประเทศต่าง ๆ และการเสริมสร้างให้บริษัทก้าวขึ้นสู่สถานะผู้นำในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าสำหรับยานยนต์สองล้อแห่งอนาคต “เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อบนหน้าประวัติศาสตร์แห่งวิวัฒนาการการเดินทาง และฮาร์ลีย์-เดวิดสันก็อยู่แนวหน้าของเรื่องนี้” นายแมตต์ลาวาทิชประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™กล่าว “นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันมาโดยตลอด และการเดินทางบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเราครั้งนี้ ก็คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโอกาส ทั้งเพื่อนักขี่มอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันและนักขี่หน้าใหม่ในทุกระดับอายุและทุกวิถีชีวิต” ไลฟ์ไวร์คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของขุมพลัง ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีการขับขี่ ที่เปิดกว้างสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์หน้าใหม่ และมอบความเร้าใจสุดพลังแก่นักขี่ตัวจริง ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแรงเร้าใจ โดยไลฟ์ไวร์สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที ด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้าH-D Revelation จึงมอบแรงบิดได้เต็ม 100% ในทันทีที่บิดคันเร่งและคงแรงบิดแบบเต็มร้อยได้ทุกเวลาที่ต้องการ   นอกจากนี้ ยังขับขี่ง่ายสไตล์ Twist-and-go: เนื่องจากระบบไฟฟ้าไม่ต้องใช้คลัทช์และการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ไลฟ์ไวร์เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ง่ายต่อการขับขี่สำหรับมือใหม่ มาพร้อมระบบชาร์จอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเบรกเพื่อสร้างพลังงานสำหรับนำกลับมาใช้ใหม่โดยจะประจุไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองใหญ่ที่ต้องหยุดรถและออกตัวบ่อยครั้ง ไลฟ์ไวร์ติดตั้งระบบH-D Connect ซึ่งเชื่อมต่อนักขี่เข้ากับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน่วยควบคุมเทเลแมติกส์บนคลื่นความถี่แอลทีอี (LTE-enabled Telematics Control Unit) พร้อมการเชื่อมต่อและบริการคลาวด์ด้วยแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ด้วยระบบ H-D Connect นี้ ข้อมูลการขับขี่จะถูกเก็บรวบรวมและส่งต่อไปยังแอปพลิเคชั่นเพื่อนำเสนอชุดข้อมูลในสมาร์ทโฟน ซึ่งครอบคลุมข้อมูลด้านต่าง ๆ ได้แก่ ○            สถานะของมอเตอร์ไซค์:ระบบ H-D Connect จะบอกสถานะแบตเตอรี่และระยะทางที่เดินทางไปถึงได้จากที่ตำแหน่งตั้งหากมีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง...
เศรษฐกิจ

“บีเอฟกู๊ดริช’ ขยายฐานการผลิตมาไทย

‘บีเอฟกู๊ดริช’ (BFGoodrich) แบรนด์ยางรถยนต์ชั้นนำสายพันธุ์แกร่งซึ่งผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพจากโรงงานของมิชลิน ขยายฐานการผลิตเพิ่มจากเดิมที่อยู่ในสหรัฐอเมริกามาไทยตามกลยุทธ์ระดับโลกที่มุ่งทำการผลิตใกล้ตลาดจัดจำหน่าย พร้อมรุกตลาดยางรถยนต์ในไทยเต็มสูบตั้งแต่ต้นปี 2562 ด้วยศักยภาพความพร้อมของสายการผลิตมาตรฐานสากล ณ โรงงานแหลมฉบัง และเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 280 แห่งทั่วประเทศ นายเอกชัย คหการบำรุง ผู้อานวยการกลุ่มธุรกิจ B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ เปิดเผยว่า “ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 เป็นต้นไป โรงงานแหลมฉบังจะมีบทบาทสำคัญในการผลิตยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยางรุ่นยอดนิยมอย่าง ‘ออล เทอร์เรน ที/เอ เคโอ2’ สำหรับจัดจำหน่ายในประเทศไทย ตลอดจนส่งออกไปยังตลาดใกล้เคียง ทั้งในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชียและโอเชียเนีย โดยยังรองรับการผลิตยางอะไหล่แท้ป้อนโรงงานผลิตรถยนต์ชั้นนำ อาทิ ฟอร์ด, จีเอ็ม, อีซูซุ, มาสด้า และโตโยต้า ทั่วเอเชียด้วย” ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ จากโรงงานแหลมฉบัง ไม่เพียงผ่านกระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพ และทดสอบสมรรถนะที่ได้มาตรฐานสากล แต่ยังผ่านกระบวนการทดสอบเพื่อยืนยันว่าผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับกฎระเบียบ สภาพภูมิประเทศ และสภาพภูมิอากาศของท้องถิ่นอย่างแท้จริง (Homologation) เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย ทั้งยังมีการรับประกันคุณภาพที่เชื่อถือได้นานถึง 6 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อหรือตลอดอายุการใช้งานของดอกยาง ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด “ในการรุกตลาดครั้งนี้ เรามีเครือข่ายพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งศูนย์บริการรถยนต์ไทร์พลัส 124 แห่ง และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของมิชลินอีก 158 แห่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ได้สะดวกยิ่งขึ้น ตลอดจนได้รับบริการทั้งก่อนและหลังการขายที่ดีที่สุด” นายเอกชัย กล่าวเสริม ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ทุกรุ่น รวมถึงรุ่นเรือธงอย่าง ‘ออล เทอร์เรน ที/เอ เคโอ2’ (All Terrain T/A KO2) ซึ่งจะมีวางจำหน่ายในระยะแรกรวมทั้งสิ้น 10 ขนาด...
รถยนต์ในประเทศ

อาวดี้ประเทศไทยคว้า 5 รางวัลบริการหลังการขาย

อาวดี้ ประเทศไทย โดย บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ภูมิใจที่คว้า 5รางวัล ยอดเยี่ยมบริการหลังการขายและการฝึกอบรมระดับภูมิภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก “Audi Silver Arrows Awards” สะท้อนถึงความเป็นเลิศของคุณภาพบริการหลังการขายภายใต้นโยบาย Customer Centricity เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เดินหน้ารุก 4 กลยุทธ์หลัก  สร้างแบรนด์และเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นเต็มที่ในการสร้างแบรนด์ด้วยการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขายให้เป็นไปมาตรฐานของ Audi AG และภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือCustomer Centricity  มาตลอดระยะเวลากว่าเกือบ 2 ปี ที่เรี่มก่อตั้ง อาวดี้ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ จนถึงวันนี้ในภาพรวมถือว่ามีความพึงพอใจมากทั้งในด้านยอดจำหน่าย การตอบรับจากลูกค้า และการได้รับการสนับสนุนจาก  Audi  AG ซึ่งยกย่อง อาวดี้ ประเทศไทย ว่าเติบโตอย่างรวดเร็วสูงสุด และนับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาในการประชุมประจำปีเพื่อวางกลยุทธ์บริการหลังการขายและการฝึกอบรม ผู้นำเข้า และเครือข่ายผู้จำหน่ายระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (The Regional Training and Aftersales Conference) ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพมฯ ระหว่างวันที่ 4-6ธันวาคม 2561 อาวดี้ ประเทศไทย ยังได้รับการยกย่องว่ามีพัฒนาการและความเป็นเลิศด้านคุณภาพบริการหลังการขายและการฝึกอบรมดีเยี่ยม โดยได้รับ 5รางวัล  Audi Silver Arrows Awards     Audi Silver Arrows Awards นับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ และเป็นสุดยอดความภาคภูมิใจของทีมบริการหลังการขายและการฝึกอบรมของอาวดี้  ซึ่งอาวดี้เชื่อว่าจิตวิญญาณ ความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ และตำนานความสำเร็จจากวงการมอเตอร์สปอร์ตนี้แหละ จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ทีมบุคลากรของอาวดี้  โดยเฉพาะทีมบริการหลังการขาย มุ่งมั่นพัฒนาสู่ความเป็นเลิศเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด   สำหรับ 5 รางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการหลังการขายในระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก Audi Silver Arrows Awards   ที่ อาวดี้ ประเทศไทย ได้รับจากจำนวน 10รางวัล ที่มีการมอบในปีนี้ และถือเป็นBest Practice ของภูมิภาค ประกอบด้วย 1.ความเป็นเลิศด้านการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า 2.ความเป็นเลิศด้านการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและการเรียนรู้ผ่าน E Learning  3.ความเป็นเลิศด้านศูนย์ฝึกอบรม 4.ความเป็นเลิศด้านการประสานงานฝึกอบรมบุคลากร และ5.ความเป็นเลิศด้านการมีพัฒนาการในการฝึกอบรมด้านบริการหลังการขาย  “5 รางวัลระดับภูมิภาคที่ได้รับเป็นปีแรกนี้ นับเป็นข่าวดีและเป็นกำลังใจของทีมงาน อาวดี้ ประเทศไทย ทั้งหมด โดยเฉพาะทีมบริการหลังการขายและทีมฝึกอบรม ซึ่งไม่เพียงเป็นบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จของกลยุทธ์อาวดี้ ประเทศไทย แต่ยังการันตีว่าเราเดินมาถูกทาง    นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการบริการหลังการขาย อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า รางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการหลังการขายและการฝึกอบรม...
อสังหาฯเศรษฐกิจ

ทุ่มกว่า 4หมื่นล้านผุด“ตฤณ นครา”เมดิคัล รีสอร์ทที่เชียงราย

ตฤณ นครา ทุ่มงบ 4หมื่นล้าน นำธงนักลงทุนนานาชาติผุดโปรเจ็คยักษ์ “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” เนรมิตพื้นที่ กว่า 3,139ไร่ พัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสนจ.เชียงราย ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความสุข”เล็งผุดเมดิคัล รีสอร์ท  พร้อมแลนด์มาร์ก เสาธงชาติไทยสูงที่สุดในโลก นายตฤณ นิลประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตฤณ อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัดเปิดเผยว่าเชียงแสนเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางยุทธศาสตร์สูงในหลากหลายมิติ จากที่รัฐบาลได้กําหนดให้จังหวัดเชียงรายคือหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 ประกอบกับแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย 4.0”หรือ Tourism Innovation Thailand 4.0 ที่มุ่งสนับสนุนให้เชียงรายเป็น “เมืองแห่งการค้าการลงทุน การเกษตรและการท่องเที่ยว รุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรมล้านนาประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข”บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสเพราะการเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงแสนเป็นการขยายโอกาสให้เด่นชัดขึ้น เนื่องจากเชียงแสนมีที่ตั้ง ณ จุดยุทธศาสตร์ของแนวรอยต่อพรมแดน3 ประเทศ ทั้งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของแนวเขตระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) ซึ่งมีการพัฒนาโครงการต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมเพื่อความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศจากประเทศจีนทางตอนใต้สู่ประเทศไทยผ่านเมียนมา และสปป.ลาวดังนั้น การยกระดับทั้งสามอำเภอของเชียงรายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาครัฐฯ ก็มีการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัว(Infrastructure & facilities) ไว้หลายด้านทั้งด้านการคมนาคมเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อด้านการขนส่งนานาชาติในระดับภูมิภาค ด้านสิทธิประโยชน์ในด้านการลงทุน การเงิน และศุลกากร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของตฤณ นคราฯ ได้เผยเพิ่มเติมถึงศักยภาพด้านอื่นๆของเชียงแสนว่า “เชียงแสนตั้งอยู่ในแนวรอยต่อดินแดนของ 3 อารยธรรมที่มีการสืบทอดกันมายาวนาน ได้แก่ ประเทศไทย เมียนมา และสปป.ลาวนอกจากนี้ยังมีอารยธรรมชนเผ่าที่หลากหลายที่สุดของภูมิภาคนี้อีกทั้งยังมีธรรมชาติและภูมิประเทศที่สวยงาม มีศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม ผู้คนเป็นมิตร อีกทั้งมีแม่นํ้าโขงไหลผ่านอำเภอเชียงแสนแล้ว และเนื่องจากเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโยนกซึ่งเป็นยุคแรกของประวัติศาตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย เชียงแสนจึงยังมีความโดดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ มีมรดกทางโบราณสถานและวัฒนธรรมที่งดงาม ทำให้เชียงแสนวันนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยังบริสุทธิ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติมองเห็นความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจด้านการลงทุน” “ตฤณ นครา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล” ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากหลากหลายประเทศ อาทิ มาเลเซียสิงคโปร์ญี่ปุน ฮ่องกง-จีน สหรัฐอเมริกาเป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(ASEAN)โดยโครงการฯ...
เศรษฐกิจมหาภาค

ยอดขายรถ เดือน พ.ย.โกย 94,643 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%

  นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 94,643 คัน  เพิ่มขึ้น 21.2%  ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 35,446 คัน เพิ่มขึ้น 12.8% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 59,197 คัน เพิ่มขึ้น26.9% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 48,612 คัน เพิ่มขึ้น 27.5%            ประเด็นสำคัญ 1) ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายนปริมาณการขาย 94,643 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.8% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 26.9% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่และความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่างๆที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง 2) ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 928,158 คัน เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 17.9% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 23% สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีมาอย่างต่อเนื่องทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนและการใช้จ่ายส่งผลให้ยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปีเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 3) ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคม มีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศมีสัญญาณดีขึ้น รวมถึงแผนการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับการจัดงานThailand International Motor Expo 2018 ในช่วงต้นเดือนธันวาคม และความต่อเนื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ตามความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีนยังคงมีอยู่ แต่ยังไม่ส่งผลต่อตลาดรถยนต์มากนัก...
ไลฟสไตล์

“เจ.ดี. พาวเวอร์”พบ  “มาสด้า 2 “คว้าคุณภาพรถใหม่ดีสุด

ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2561โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power 2018Thailand Initial Quality StudySM (IQS))เปิดเผยในวันนี้ว่า ขณะที่จำนวนปัญหาที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์100คัน(PP100)ลดลงเกือบทุกกลุ่มประเภทรถยนต์ เจ้าของรถยนต์ในประเทศไทยกลับพบปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบที่เพิ่มขึ้น เช่น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องเสียง, ระบบสื่อสาร, ระบบความบันเทิงและระบบนำทาง(ACEN) ผลการศึกษาพบว่าจำนวนปัญหาที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์100คัน(PP100)ลดลงมาที่70 PP100ในปี2561จาก83 PP100ในปี2560ซึ่งพบว่าคุณภาพรถยนต์ใหม่ถูกปรับปรุงขึ้นอย่างมากด้านภายนอกตัวรถและด้านเครื่องยนต์และระบบเกียร์ เป็นที่น่าสังเกตว่าปัญหาคุณภาพที่เกิดจากความผิดพลาดในการผลิตลดน้อยลงมาอยู่ที่ 44%จากปัญหาที่ถูกรายงานทั้งหมดในปี2561เทียบกับ61%ในปีก่อนปัญหาทั้งหมดได้ถูกนำมาสรุปผลเป็นจำนวนปัญหาที่พบต่อรถยนต์ใหม่100คัน(ในที่นี้เรียกว่าPP100)โดยรถยนต์รุ่นใดที่ได้คะแนนPP100ต่ำกว่าแสดงว่ารถยนต์รุ่นนั้นเกิดปัญหาน้อยกว่าหรืออีกนัยหนึ่งคือ รถรุ่นนั้นมีคุณภาพที่สูงกว่า ผลการศึกษายังพบอีกว่า 51% ของปัญหาทั้งหมดที่เจ้าของรถยนต์ใหม่ประสบเป็นปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบเทียบกับ ปี2560  ซึ่งพบเพียง 18 %   ปัญหาการออกแบบที่พบมากในปีนี้เกี่ยวข้องกับความยากในการใช้งาน ได้แก่ คลื่นวิทยุไม่ชัดหรือไม่มีคลื่น, ที่วางแก้วใช้งานยาก, แอร์ไม่เย็น หรือไม่สามารถคงระดับอุณหภูมิที่ต้องการได้ และเบรกมีเสียงดัง “ระดับปัญหาคุณภาพที่เกิดจากการผลิตลดต่ำลง รวมถึงคุณภาพในการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์มีความแตกต่างกันน้อยลงเป็นผลมาจากผู้ผลิตรถยนต์มุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่องแม้คุณภาพในการผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแล้วยังมีโอกาสที่ผู้ผลิตรถยนต์จะสามารถปรับปรุงคุณภาพรถยนต์ให้ดีมากยิ่งขึ้นได้ด้วยการปรับปรุงคุณภาพในการออกแบบรถยนต์โดยเฉพาะการออกแบบปุ่มควบคุมและอุปกรณ์แสดงผลต่างๆ ที่มีความล้ำสมัย ให้สามารถเข้าใจและใช้งานได้ง่ายขึ้น”ศิรส สาตราภัย ผู้อำนวยการระดับภูมิภาค เจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำประเทศไทยกล่าว“พนักงานของผู้จำหน่ายมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นด้วยการอธิบายและสาธิตการใช้งานอย่างละเอียดและครบถ้วนในระหว่างส่งมอบรถยนต์” ผลการจัดลำดับจากการศึกษาวิจัย โตโยต้า ยาริส เอทีฟได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก(62 PP100) มาสด้า 2 ได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับต้น(53 PP100) ฮอนด้าซีวิค ได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง(54 PP100) มิตซูบิชิปาเจโรสปอร์ต ได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดใหญ่(63 PP100) เชฟโรเลตโคโลราโดเอ็กซ์-แคป ได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถกระบะตอนขยาย(68 PP100) ฟอร์ดเรนเจอร์ไฮ-ไรเดอร์ดี-แคป และโตโยต้าไฮลักซ์รีโว่ดี-แคป ได้รับอันดับสูงสุดในกลุ่มรถกระบะ4ประตู(63 PP100) การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ 2 กลุ่มปัญหาหลักที่เจ้าของรถยนต์ใหม่ประสบในช่วง 2-6 เดือนแรกของการเป็นเจ้าของได้แก่ กลุ่มปัญหาด้านการออกแบบ และกลุ่มปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดในการผลิต การศึกษานี้ได้เจาะถามถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 8หมวดหมู่ได้แก่ปัญหาภายนอกรถยนต์;ปัญหาจากประสบการณ์การขับขี่; ปัญหาจากอุปกรณ์, ปุ่มควบคุมและจอแสดงผล;ปัญหาเครื่องเสียง,ระบบสื่อสาร,ระบบความบันเทิงและระบบนำทาง; ปัญหาจากเบาะที่นั่ง; ปัญหาจากระบบทำความร้อน,ระบบระบายอากาศ,ระบบความเย็น;ปัญหาภายในห้องโดยสาร และปัญหาเครื่องยนต์/ ระบบเกียร์ ผลการศึกษาคุณภาพรถใหม่ในประเทศไทย(IQS)ประจำปี2561ได้จากการประเมินคำตอบของเจ้าของรถยนต์คันใหม่5,106รายที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนกันยายน2560ถึงเดือนกันยายน2561ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะและรถยนต์อเนกประสงค์จำนวน74รุ่นจากทั้งหมด13ยี่ห้อโดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน2561  ...
1 329 330 331 332 333 362
Page 331 of 362