เทสต์ไดรฟ์

Porsche Cayenne E-Hybrid Driving Experience 2018 พิสูจน์พละกำลัง SUV 462แรงม้า

1.6kviews

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม“Porsche Cayenne E-Hybrid Driving Experience 2018” โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมพรีเมียม SUV ยอดนิยมสายพันธุ์ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid)ที่ติดตั้งขุมพลังE-performance พร้อมเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2561ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

ก่อนเริ่มต้นการทดสอบ ผู้บริหารปอร์เช่ก็เริ่มต้นด้วยข่าวดีทันที คือตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา  ตั้งราคารถรุ่นนี้เริ่มต้นที่ 7.5 ล้านบาท  แต่หลังจากยอดขายในตลาดโลกเริ่มชะลอตัว ตลาดยุโรปนิ่งมานาน ตลาดจีนที่เคยอู้ฟู้ก็เริ่มแผ่วๆ ทีมขายจึงหันมาเอาใจตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดยคำนวณราคาจำหน่ายใหม่ให้ดึงดูดกำลังซื้อ เริ่มต้นที่ 6.3 ล้านบาท ลดลงไป 1.2 ล้านบาท ราคานี้จึงน่าสนมาก !!  และยังมีข่าวอีกว่า รถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้ยังจะได้ราคาพิเศษสุดๆอีกด้วย

การจัดงาน Porsche Cayenne E-Hybrid Driving Experience 2018นับเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนไทยจะได้สัมผัสกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมผ่านการทดลองขับ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid)ผ่านสนามทดสอบสมรรถนะ 3 สถานี ได้แก่ สถานี Handling  การทดสอบบังคับควบคุมรถซึ่งจะทดสอบการทรงตัวและการตอบสนองพวงมาลัยของรถอย่างรวดเร็ว สัมผัสความรู้สึกขณะขับขี่ในการตั้งค่าPorsche Active Suspension Management (PASM)  โครงสร้างตัวถังของปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ ช่วยให้ควบคุมการทรงตัวได้ดีขึ้นพร้อมๆกับเปลี่ยนทิศทางของรถได้อย่างแม่นยำ

สถานีต่อไป  Braking  เป็นการสร้างความมั่นใจและปลอดภัยได้ทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรกมาตรฐานจากปอร์เช่ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบเบรคที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการขับขี่เข้าโค้งด้วยความเร็วค่อนข้างสูง เบรกเพื่อชะลอความเร็วเล็กน้อยก่อนพุ่งตัดโค้ง

และสถานีสุดท้าย  Slalom  เป้นการทดสอบความแม่นยำ ความรวดเร็วในการตอบสนองของช่วงล่างจากระบบอัจฉริยะของปอร์เช่ อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังRear axle steering และระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis Control  ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ขับขี่หลบหลักอุปสรรคที่ขวางหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยเอเอเอสฯ ได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ไว้คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่สื่อมวลชนผู้ร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด

แม้ว่า ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid)   จะเป้นรถไฮบริด แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์พรีเมียม SUV แห่งยุค  ที่ติดตั้งขุมพลังE-performance พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุดผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ตให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเครื่องยนต์V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร  ให้พลังกำลังดุดันถึง 340  แรงม้า  และยังเสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 136แรงม้า  ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า  แรงบิดจัดจ้าน สูงสุดถึง700 นิวตันเมตร   ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่918สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 กิโลเมตรต่อลิตรอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์78กรัมต่อกิโลเมตร   อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

การทำงานของระบบ Porsche Traction Management (PTM)ส่งผลให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อall-wheel drive ของ คาเยนน์อี-ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ได้รับการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านอุปกรณ์map-controlled multiplate clutch โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแรงบิดไปยังล้อขับเคลื่อนอย่างเหมาะสม การทำงานของระบบดังกล่าวช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมรถยนต์ได้ทุกรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่สไตล์สปอร์ตความเร็วสูงที่ต้องการเสถียรภาพในการทรงตัว หรือแม้แต่ในยามบุกตะลุยไปบนเส้นทางทุรกันดารสไตล์ offroad ต้องยกประโยชน์ให้ระบบรองรับและช่วงล่างของ คาเยนน์ไฮบริด(Cayenne E-Hybrid)ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ารถสปอร์ตพันธุ์แท้ เฉกเช่นกับที่เคยเป็นมาใน ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) ทุกเจเนอเรชั่น ระบบควบคุมการทรงตัวPorsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน