รถยนต์ต่างประเทศ

รถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

ปอร์เช่ คืนชีพ 911ด้วยอะไหล่แท้ดั้งเดิมทุกชิ้น

“Project Gold” –ยนตรกรรมสุดคลาสสิกสุดหายาก ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) พร้อมแล้วสำหรับการประมูลPorsche Classic คืนชีพรถสปอร์ต911รุ่นคลาสลิกจากอะไหล่แท้ดั้งเดิมทุกชิ้น แผนก Porsche Classic ได้ปลุกตำนานยนตรกรรมล้ำค่าที่นักสะสมรถยนต์ทุกคนล้วนปรารถนาจะได้ครอบครองไว้ในคอลเลคชัน:ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ(Porsche 911 Turbo) รุ่นสุดท้ายที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ หรือ air-cooled engine–นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี หลังการยุติสายการผลิตของรถสปอร์ตในตำนานรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้งานออกแบบตัวถังภายนอกของปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) ในรหัส 993 นั้นมีพื้นฐานมาจากรุ่นปกติ และรูปทรงอมตะของรถคันนี้ยังคงเปี่ยมเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกโดดเด่นด้วยสี Golden Yellow Metallicซึ่งเป็นสีแบบเดียวกับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส เอ็กซ์คลูซีฟ ซีรีส์ (Porsche 911 Turbo SExclusive Series) รุ่นปี2018ล้ออัลลอยสีดำตัดขอบเน้นด้วย Golden Yellow เพิ่มความคมเข้ม ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งและชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนได้รับการตกแต่งด้วยสีดำและGolden Yellow ในทุกๆรายละเอียดเช่นเดียวกันสำหรับชุดแต่งตัวถังภายนอกถูกเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวและเสริมความสปอร์ตเหนือระดับด้วยช่องดักอากาศด้านข้าง ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 993 เทอร์โบ เอส(993 Turbo S) และเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) รุ่นปี 1998ด้วยพละกำลังมหาศาลกว่า 450 แรงม้า ยนตรกรรมสปอร์ตสุดคลาสสิกคันนี้กำลังจะได้รับโอกาสร่วมลงสนามLaguna Seca(ประเทศสหรัฐอเมริกา) เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบการเปิดตัวครั้งแรกของโลกระหว่างมหกรรมความเร็วสุดยิ่งใหญ่Porsche Rennsport Reunionในวันที่ 27 กันยายน 2018นี้สมบัติล้ำค่าของนักสะสมรถยนต์ชิ้นนี้จะถูกจำกัดให้วิ่งบนสนามแข่งเท่านั้น หลังจากนั้นรถคันนี้จะถูกนำออกประมูลโดย RM Sotheby’s ณPorsche Experience Centerเมือง Atlanta ในวันที่...
คมนาคมนวัตกรรมไลฟสไตล์

กฟน.จับมือนิสสันติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านลูกค้า

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัย  เตรียมความพร้อมสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้ ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ ข้อตกลงดังกล่าวเน้นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนนเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง  กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปีกฟน. ในปีนี้กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตเนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัดโดยกฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายรายซึ่งการลงนามกับนิสสันมอเตอร์ประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยกฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสันและเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัทนิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  เช่นตัวแทนจำหน่ายส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการเป็นต้นซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคันภายในปีพ.ศ. 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ นอกจากนี้กฟน. ยังได้มีการจัดทำ“MEA EV Application” ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนสมาร์ทโฟน เวอร์ชันล่าสุด 2.0 รองรับการใช้งานทั้งระบบIOS และAndroid สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จพร้อมควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบรีโมทด้วยแอปพลิเคชันทันที การแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จการคำนวณอัตราการประหยัดพลังงานรวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆที่จะจัดทำเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในอนาคต นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย  กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก "รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

จีเอ็ม โฮลเด้น เพิ่ม 500 วิศวกรในออสเตรเลีย

จีเอ็มโฮลเด้นเพิ่มจำนวนพนักงานด้านการออกแบบและวิศวกรรมมากกว่า 500 ตำแหน่ง เพื่อขยายความสามารถในการพัฒนายานยนต์ขั้นสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จีเอ็ม โฮลเด้น ประกาศว่า ทีมวิศวกรชาวออสเตรเลียใหม่ล่าสุดนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ และระบบส่งกำลังไฟฟ้า (Electric powertrains) ในอนาคต โดยวิศวกรใหม่ จะทำงานร่วมกับทีมวิศวกรและนักออกแบบของจีเอ็ม โฮลเด้น ที่มีอยู่ก่อนแล้ว  ทีมวิศวกรชาวออสเตรเลียร่วมงานกับทีมพัฒนายานยนต์ขั้นสูงระดับโลกของจีเอ็ม ซึ่งรวมถึงการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ และรถพลังงานไฟฟ้าค่าใช้จ่ายประจำปีในการวิจัยและออกแบบมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 3,960 ล้านบาท)การเพิ่มวิศวกรของจีเอ็ม โฮลเด้น เป็นการเสริมกำลังให้กับศูนย์ Technical Center ของจีเอ็ม ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างประเทศอินเดีย ประเทศไทย และประเทศเกาหลี การประกาศดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับงานวิศวกรรมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงศูนย์ Technical Center ต่างๆ ของจีเอ็มในประเทศอินเดีย ประเทศเกาหลี และประเทศไทย การขยายงานด้านวิศวกรรมของจีเอ็ม โฮลเด้น เกิดขึ้นหลังการประกาศเรื่องจีเอ็ม เกาหลีใต้ได้รับรางวัลระดับโลกในด้านการออกแบบ วิศวกรรม และการพัฒนารถอเนกประสงค์ระดับโลกรุ่นใหม่ แรงงานด้านวิศวกรรมของจีเอ็ม เกาหลีใต้ จะมีมากกว่า 3,000 คน ในเร็วๆ นี้ โดยเป็นวิศวกรใหม่ที่รับเพิ่มจำนวน 100 คน ศูนย์ Technical Center ของจีเอ็มในประเทศอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในฝ่ายวิศวกรรมเครื่องยนต์ระดับโลกของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ศูนย์ดังกล่าวประกอบด้วยสตูดิโอการออกแบบและศูนย์วิศวกรรม ซึ่งมีจำนวนพนักงานมากกว่า 2,500 คน โดยเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค และนักออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญสูง ในประเทศไทย จีเอ็มมีวิศวกรจำนวน 150 คน ปฏิบัติงานอยู่ในหลายแผนก ได้แก่ ฝ่ายการผลิต ความปลอดภัย คุณภาพ และวิศวกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะเยี่ยมชมสนามทดสอบรถแลง แลง (Lang Lang) ซึ่งใช้เป็นสนามทดสอบรถยนต์โฮลเด้น และรถยนต์ของจีเอ็มทั่วโลกมานานกว่า 60 ปี นายมาร์ก...
นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตรถยนต์ต่างประเทศ

”ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต” พร้อมลุย

ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต (Porsche Cayman) GT4 Clubsportรถแข่งต้นแบบสำหรับทางวิบากพร้อมลงสนามทดสอบในรายการGerman WRC ปอร์เช่พัฒนารถสปอร์ตสายพันธุ์ล่าสุดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงสนามทดสอบในรายการแรลลี่สุดทรหด ADAC Rallye Deutschland ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา: รถต้นแบบคันพิเศษมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ปอร์เช่ เคย์แมนจีที4 คลับสปอร์ต(Porsche Cayman GT4 Clubsport)พร้อมแล้วสำหรับการตะลุยเส้นทางทุรกันดาร โดยปอร์เช่ต้องการใช้รถต้นแบบคันนี้เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์รถแข่งระดับ FIA R-GT ซึ่งมีพื้นฐานใกล้เคียงกับรถสปอร์ตทางเรียบรุ่น GT จากสายการผลิตปกติมากที่สุด รถแข่งต้นแบบคันนี้จะถูกทดสอบภายใต้สภาวะของการแข่งขันจริงทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาและสามารถพัฒนาต่อเนื่องจนกระทั่งกลายเป็นรถแข่งแรลลี่สำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้รักการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตสไตล์วิบากในลำดับต่อไป นักแข่งรถยนต์สังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ ผู้รับบทบาทหน้าที่ในการขับรถทดสอบ คือ Romain Dumas (ชาวฝรั่งเศส)หนึ่งในนักแข่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีทักษะการขับขี่ยอดเยี่ยมและครบเครื่องที่สุดในโลกของกีฬาความเร็วระดับสากล ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีในชีวิตนักแข่งเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศรายการ Le Mansเขาลงแข่งขันแรลลี่มาแล้วทั่วทุกมุมโลกด้วยทีมแข่งของตนเอง นอกจากนี้ Dumas ยังเคยได้รับชัยชนะในรายการแข่งรถขับขึ้นเขาระดับตำนาน Pikes Peak ถึง 4 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติเวลาเร็วที่สุดอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น Richard Lietz(ชาวออสเตรีย) และ Timo Bernhard (ชาวเยอรมัน)ซึ่งเป็นนักแข่งสังกัดโรงงานปอร์เช่และมีประสบการณ์ในการแข่งขันแรลลี่มาแล้วทั้งคู่ ยังได้ร่วมเป็นนักขับในโครงการพัฒนารถแข่งต้นแบบ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Cayman GT4 Clubsport)เช่นเดียวกัน ปอร์เช่ เคย์แมนจีที4 คลับสปอร์ต(Porsche Cayman GT4 Clubsport)ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลงสนามแข่งขันในรายการระดับclubsportหลากหลายรายการทั่วโลก นับตั้งแต่ฤดูกาล2016 เป็นต้นมา รถคันนี้ได้รับการติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอนวางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ขนาดความจุ 3.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 385 แรงม้า (283 กิโลวัตต์)พร้อมถ่ายทอดพละกำลังขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่PDKควบคุมการเปลี่ยนจังหวะได้ตามต้องการด้วย shift paddles บนพวงมาลัย สำหรับการแข่งขันแรลลี่ทางวิบาก รถคันนี้ได้รับการติดตั้งแผ่นโลหะปิดใต้ท้อง เพิ่มเติม...
มอเตอร์สปอร์ตรถยนต์รถยนต์ต่างประเทศไลฟสไตล์

ปอร์เช่ 919 ไฮบริด ขุนพลรัตติกาลใจกลางกรุงเทพฯ

สัมผัสความยิ่งใหญ่ไปกับการอำลาการแข่งขันของรถแข่งระดับตำนาน ปอร์เช่ 919 ไฮบริด(Porsche 919 Hybrid) ในบรรยากาศการถ่ายทำใจกลางกรุงเทพมหานคร ปอร์เช่919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid)รถแข่งที่บันทึกสถิติใหม่ให้แก่ประวัติศาสตร์กีฬาความเร็ว ถึงแม้รถคันนี้จะไม่ได้วิ่งอยู่บนสนามแข่งแล้วก็ตาม: นับเป็นครั้งแรกที่รถแข่งระดับตำนานคันดังกล่าวได้มาเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสของทริปการเดินทางอำลาการแข่งขันทั่วโลก 919 Tribute Tour หลังจากการปรากฎตัวอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น กรุงเทพมหานคร หรือชื่อในความหมายภาษาไทยว่า“มหานครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร” นับเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการมาเยือนของ ปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid)ยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์สนามที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและเป็นตำนานในรายการแข่งรถยนต์ทางเรียบWorld Endurance Championships (WEC) ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ จากเกียรติประวัติสุดเกรียงไกร ด้วยผลงาน 20 ตำแหน่งโพลบนเส้นสตาร์ท ชัยชนะที่คว้ามาครอบครองได้ถึง 17 สนาม แชมเปียนส์โลก 6 สมัย ชนะเลิศรุ่นover all ในรายการแข่งขันLe Mans3 สมัย ความยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ทั้งหมดเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลที่รถแข่งคันนี้โลดแล่นอยู่บนสนามประชันความเร็ว บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ตำนานเจ้าสนาม จะได้ใช้โอกาสอันดีในการกล่าวคำ“ขอบคุณ” ไปยังบรรดาผู้หลงใหลความเร็วใน13 จุดหมายทั่วทุกมุมโลกและกรุงเทพมหานครคือจุดหมายปลายทางลำดับที่3 ของทวีปเอเชีย การปรากฎโฉมท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกย่านเยาวราช ใจกลางกรุงเทพมหานครนครหลวงอันเปรียบได้กับชีพจรหลักของประเทศไทยเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลของการผสมผสานที่สุดแสนลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและความทันสมัย กรุงเทพมหานครคือศูนย์รวมของความหลากหลายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ และแน่นอนว่าย่อมต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งในการเป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์นอกจากนี้กรุงเทพฯยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลกที่นักเดินทางล้วนปรารถนาจะได้มาเยือนสักครั้ง รวมทั้งเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันFacebook มากที่สุดในโลกอีกด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลของวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน ผสานกับนวัตกรรมล้ำยุคสไตล์เมืองใหญ่ของกรุงเทพฯคือภาพสะท้อนที่แสดงออกอย่างชัดเจนในภาพยนตร์ที่มีตัวเอกเป็นรถแข่งระดับ LMP1 ขับเคลื่อนไปท่ามกลางฝูงชนมากมายบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีน่าตื่นตาตื่นใจของย่านเยาวราช ตลอดเส้นทางที่เสมือนกับความฝันมุ่งไปบรรจบกับความงามของสะพานพระราม 8  อันเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าอัศจรรย์ ทอดตัวยาวข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่มีวันหลับใหลแห่งนี้ ระยะเวลา 24 ชั่วโมงเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว รอยต่อระหว่างช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกจวบจนอรุณรุ่งของวันใหม่นั้น ชวนให้ระลึกถึงความทรงจำในตำนานการแข่งขัน Le Mans สุดยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะที่รถแข่ง 919 ไฮบริด (919 Hybrid)มีโอกาสได้กลับมาร่วมงานกับEarl Bamber นักแข่งฝีมือดีสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ ภาพความประทับใจดังกล่าวจะได้รับการบันทึกเอาไว้อย่างไม่มีวันลบเลือน นักแข่งผู้นี้สามารถคว้าชัยชนะในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ WEC มามอบให้ปอร์เช่ได้หลายสนามซึ่งรวมทั้งตำแหน่งแชมป์ 3...
คมนาคมนวัตกรรมรถเพื่อการพาณิชย์

รออีกนิด !! 9 ก.ย. เปิดใช้แท็กซี่ไฟฟ้า วีไอพี

ไรเซน เอนเนอร์จี ส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า “บีวายดี อีซิกส์” (BYD e6) จำนวน 101 คัน ให้แก่บริษัท อีวี โซไซตี้ จำกัด ผู้บริหารกิจการแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสานความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาคขนส่งสาธารณะครั้งแรกของประเทศไทย ในโครงการ “อีวี แท็กซี่ วีไอพี” (EV Taxi VIP) เพื่อยกระดับคุณภาพรถและบริการของแท็กซี่ไทย โดยจะเริ่มประจำการที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่  9 กันยายน 2561 เป็นต้นไป สามารถเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น Taxi Ok ของกรมการขนส่งทางบก หรือผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยังได้เร่งผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้การเปิดตัว EV Taxi VIP ภายใต้การยกระดับมาตรฐานแท็กซี่ไทยโครงการ Taxi VIP ของกรมการขนส่งทางบก จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการสร้างระบบการคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพในทุกด้าน  เนื่องจากรถที่นำมาใช้ให้บริการเป็น EV Taxi VIP เป็นรถที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อน เพิ่มจำนวน Taxi VIP ซึ่งเป็นการให้บริการรถหรูระดับพรีเมี่ยม ที่มีมาตรฐานครอบคลุมในทุกมิติตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด โดยมีสถานีอัดประจุไฟ Charging station ให้บริการทั้งหมด 30 แห่งทั่วกรุงเทพ เพียงพอกับความต้องการใช้งานของรถ EV Taxi VIP นอกจากนี้ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดพื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้กับรถ EV Taxi VIP ส่งเสริมความเป็น Smart Airport ให้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสร้างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในส่วนของความร่วมมือของภาคเอกชนครั้งนี้ บริษัท...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ปอร์เช่อวดโฉม ไทคานน์ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า

ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของปอร์เช่มีกำหนดการเผยโฉมในช่วงต้นปีหน้า ในระหว่างการจัดเตรียมงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ ยนตรกรรมไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันนี้ได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว: ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “มิชชั่น อี (Mission E)” ถูกใช้เป็นชื่อที่เรียกขานเมื่อกล่าวถึงยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่ และนับจากนี้เป็นต้นไปจะถูกเรียกขานใหม่ในนาม “ไทคานน์  (Taycan)” ซึ่งมีความหมายในเบื้องต้นว่า “อาชาหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความคึกคะนอง” สะท้อนให้เห็นภาพของม้าศึกที่เป็นตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1952 “รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของเรามาพร้อมด้วยพละกำลังและอรรถประโยชน์ที่มากล้น; นี่คือยานพาหนะที่มีศักยภาพในการขับขี่ที่มีเส้นทางยาวไกลพร้อมเปิดโลกเสรีภาพใหม่ให้ทุกคน” คำกล่าวข้างต้น คือคำอธิบายของ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร Porsche AG และนอกจากชื่อของรถสปอร์ตดังกล่าวที่เป็นตัวแทนของการเริ่มต้นยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตของปอร์เช่แล้ว ชื่อนี้ยังมีนัยสำคัญถึงการประกาศวาระแห่งการเฉลิมฉลองในฐานะส่วนหนึ่งของกิจกรรม “70 years of Sport cars” มอเตอร์ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ตัวแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) เมื่อทำงานร่วมกันสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้มากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลให้รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นโดยข้อได้เปรียบของการถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องอันเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า: การเร่งออกตัวที่ฉับไวอย่างเหลือเชื่อมีที่มาจากประสิทธิภาพการทำงานของส่วนประกอบซึ่งปราศจากการสูญเสียใดๆ ในระบบโดยสิ้นเชิง รถยนต์คันนี้สามารถเดินทางไกลมากกว่า 500 กิโลเมตรตามมาตรฐานของ NEDC ปอร์เช่ตัดสินใจครั้งสำคัญในการลงทุนด้วยเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในอนาคตตามแผนกลยุทธ์การพัฒนาภายในปี 2022 บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกแห่งนี้จะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นมากกว่า 6,000 ล้านยูโรสำหรับการสร้างสรรค์ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3,000 ล้านยูโรนั้น ส่วนหนึ่งราว 500 ล้านยูโรจะถูกนำไปใช้สำหรับโครงการพัฒนาปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) รวมถึงรุ่นอื่นๆ ภายใต้อนุกรมเดียวกัน และประมาณ 1,000 ล้านยูโรจะถูกใช้เป็นงบประมาณในการเสริมศักยภาพด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและระบบไฮบริดในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน และอีกหลายร้อยล้านยูโรสำหรับค่าใช้จ่ายในการขยายโรงงานผลิต ส่วน 700 ล้านยูโรจะถูกใช้เพื่อการค้นคว้านวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของระบบชาร์จ พลังงานรวมไปถึงระบบยานยนต์อัจฉริยะ...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

นิสสันจับมืออิตัลดีไซน์  อวดโฉม จีที-อาร์ อัลตร้า-ลิมิเต็ด

จีที-อาร์ (GT- R) อัลตร้า-ลิมิเต็ด รถต้นแบบสร้างบนพื้นฐานของนิสสัน จีที-อาร์ นิสโม รุ่นปี 2018 รถรุ่นสุดเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของทั้งจีที-อาร์ และ อิตัลดีไซน์ และพร้อมเผยโฉมเป็นครั้งแรกเดือนสิงหาคมนี้ที่ยุโรป "หลายๆ ครั้งที่มีคำถามว่าถ้าเราสร้าง GT-R โดยไม่มีข้อจำกัด และจะสร้างมันขึ้นมาจริงๆ มันจะออกมาเป็นยังไง" นาย อัลฟอนโซ อัลไบซา รองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบของนิสสัน  กล่าว "นี่ยังเป็นเวลาที่หาได้ยากมากๆ เมื่อช่วงเวลาที่สำคัญ ทั้งสองช่วงจะมาบรรจบกัน ไม่ว่าจะเป็น วาระ 50 ปี ของอิตัลดีไซน์ หนึ่งในผู้สรรค์สร้างโลกยานยนต์ และ วาระ 50 ปีของ จีที-อาร์ รถยนต์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของนิสสันที่สร้างความตื่นเต้นให้กับโลก ดังนั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระที่สำคัญทั้งสองนี้ นิสสัน และ อิตัลดีไซน์ จึงสร้างสรรค์ จีที-อาร์ รุ่นพิเศษ เพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปีในการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมนี้" อิตัลดีไซน์ รับหน้าที่ในการพัฒนา งานวิศวกรรม และการสร้างสรรค์รถ ขณะที่การออกแบบภายนอกและภายในอันโดดเด่นได้รับการสร้างสรรค์จากทีมงานที่ หน่วยงานออกแบบของนิสสันของยุโรป ในกรุงลอนดอน และ หน่วยงานออกแบบของนิสสันในสหรัฐอเมริกา การออกแบบเริ่มต้นที่บริเวณส่วนหน้า นิสสัน จีที-อาร์50 โดย อิตัลดีไซน์ มีส่วนประกอบที่ใช้สีทองตกแต่งซึ่งทอดยาวเกือบเต็มในส่วนความกว้างของตัวรถ ฝากระโปรงมีความโดดเด่นชัดเจนมากขึ้น พร้อมไฟหน้า LED รูปทรงเพรียงบาง ลากยาวจากแนวล้อหน้าไปจนถึงริมแผงหน้าที่เป็นช่องระบายความร้อน ขณะที่ด้านข้าง แนวเส้นหลังคา (roofline) ได้ปรับลดลง 54 มิลลิเมตรเสริมให้มีความโดดเด่นมากขึ้น พร้อมลดความสูงในส่วนตรงกลาง ขณะที่ส่วนนอกปรับยกขึ้นเพื่อให้ความแข็งแกร่งของหลังคา นอกจากนี้ช่องระบายความร้อนด้านหลังล้อ ทรง "ดาบซามูไร" อันเป็นสัญลักษณ์ จีที-อาร์ ถูกเสริมความโดดเด่นขึ้นด้วยการใช้แผ่นสีทอง และขยายจากด้านล่างของประตูไปที่เส้นข้างของตัวรถ (Shoulder line) ส่วนด้านหลังของตัวรถ ถูกไฮไลต์ด้วยการเสริมความกว้าง...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศออโตโชว์

 นิสสันนำเทคโนโลยี B2Vและนิสสัน ลีฟร่วมงาน CES

สำหรับไฮไลท์ภายในงานของบูธนิสสัน ได้แก่ เทคโนโลยี B2V(Brain to Vehicle) ล่าสุด ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยในการขับขี่ โดยเทคโลยี B2V นี้สามารถอ่านสัญญาณจากคลื่นสมองและสามารถเรียนรู้จากผู้ขับ เพื่อช่วยสร้างปฏิกิริยาตอบสนองในการขับขี่ที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มสุนทรียภาพของการขับขี่ นอกจากนี้ นิสสันยังยกทัพรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้แก่ รถยนต์ต้นแบบ IMx และรถยนต์นิสสัน ลีฟ (LEAF) รุ่นใหม่ มาจัดแสดงภายในงาน  รถยนต์ต้นแบบ IMx ซึ่งเปิดตัวในระดับภูมิภาคเป็นครั้งแรก เป็นรถยนต์ 4 ที่นั่งที่โดดเด่นในด้านการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และผู้ขับขี่ มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ และระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ให้แรงบิดสูงกว่า รถยนต์สปอร์ต อย่าง นิสสัน จีที-อาร์ (GT-R) รถยนต์ นิสสัน ลีฟ รุ่น ใหม่ล่าสุดถือเป็นรถยนต์ที่มียอดขายดีที่สุดในโลก ผสมผสานความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% กับเทคโนโลยีขั้นสูง อันได้แก่ ระบบขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT และการทำงานอันเรียบง่ายของระบบ e-Pedal รวมไปถึงมีการเชื่อมต่อที่ดีระหว่างผู้ใช้ รถยนต์ และ สังคมที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ รถยนต์นิสสัน ลีฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดนิสสัน อินเทลลิ้เจนท์ โมบิลิตี้ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

นิสสัน โน๊ต e-POWER

นิสสัน มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จที่ก้าวล้ำหน้าไปอีกขั้นบนพื้นฐานแนวคิด “การขับเคลื่อนอัจฉริยะ หรือ Nissan Intelligent Mobility” ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีขุมพลังแบบใหม่ล่าสุดในชื่อ อี-เพาเวอร์ (e-POWER)ซึ่งใช้ในนิสสัน โน๊ต(NOTE )ใหม่ ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ อี-เพาเวอร์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป ด้วยแนวคิดและการออกแบบที่ล้ำหน้าของทีมวิจัยและพัฒนาของนิสสัน ภายใต้ ระบบอี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่เชื่อมต่อเข้ากับชุดส่งกำลังหรือเกียร์โดยตรง แต่จะทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ก่อนที่กระแสไฟฟ้านี้จะถูกส่งไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างกำลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ ระบบ อี-เพาเวอร์ มีความโดดเด่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง เพราะในระบบไฮบริดทั่วไปมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรีมีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูง และขณะเดียวกัน ระบบ อี-เพาเวอร์ยังแตกต่างกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากชาร์จแบตเตอรีเพียงอย่างเดียวอีกด้วย โดยทั่วไป โครงสร้างของระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ นิสสัน ลีฟจำเป็นต้องมีมอเตอร์และแบตเตอรีขนาดใหญ่เป็นแหล่งกำลังหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งยากต่อการนำระบบไปประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทั่วไปได้ แต่ทีมวิศวกรของนิสสันสามารถค้นพบวิธีการที่ลดได้ทั้งขนาดและน้ำหนักไปจนถึงพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์และจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ได้ทำให้ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ มีแบตเตอรีที่มีขนาดย่อมกว่านิสสัน ลีฟ แต่สามารถให้ความรู้สึกในการขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า ขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย...
1 22 23 24 25
Page 24 of 25