รถยนต์ต่างประเทศ

นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ต

มิชลินต้อนรับการแข่ง MotoGP  ในไทย

มิชลินและโมโตจีพี (MotoGP) ร่วมมือกันจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์กรังด์ปรีซ์ระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในขณะที่ทางฝั่งสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสนามแข่งขันนั้นก็มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดสนามต้อนรับพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ (PTT Thailand Grand Prix) อย่างเต็มรูปแบบ มิชลินมุ่งหน้าสู่สนามแข่งขันระยะทางยาว 4,554 เมตร พร้อมกับล้อยางที่ได้ทำการคัดสรรมาอย่างดีหลังจากที่มีการทดสอบก่อนจะเปิดฤดูกาลแข่งขันในสนามแห่งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยการทดสอบก่อนเปิดการแข่งขันนี้ทำให้มิชลินได้เรียนรู้สภาพของสนามและจากข้อมูลที่ได้รับ ยางรุ่น MICHELIN Power Slick ได้รับเลือกสำหรับใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ บุรีรัมย์เป็นสถานที่จัดใหม่และจากข้อมูลที่เปรียบเทียบในการทดสอบ ทำให้มีการตัดสินใจเลือกใช้ยางล้อหลังแบบที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ต่อสู้กับความร้อนโดยเฉพาะ สำหรับการไปเยือนสนามนี้เป็นครั้งแรกนั้น มิชลินได้นำยางล้อหลังไปให้เลือก 4 แบบ โดยหวังว่าจะช่วยให้นักขี่และทีมทั้งหมดสามารถดึง “ขุมพลัง” จากรถจักรยานยนต์ของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด ยางที่นำไปมีทั้งแบบ soft หนึ่งรุ่น แบบ medium สองรุ่น และแบบ hard อีกหนึ่งรุ่น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นยางแบบไม่สมมาตรโดยมีด้านขวาที่แข็งกว่าเพื่อให้เหมาะกับเลย์เอาท์ของสนามที่มีโค้งขวาถึง 7 โค้ง ในขณะที่มีโค้งซ้ายอยู่เพียง 5 โค้ง สำหรับยางล้อหน้ามิชลินได้เลือกนำยางแบบสมมาตรไป 3 แบบ คือแบบ soft แบบ medium และแบบ hard สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เปิดให้บริการในปี 2014 และถูกใช้เป็นสถานที่จัดซูเปอร์ไบค์เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ (World SBK) มาตั้งแต่ปี 2015 ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นนับว่าทันสมัยมากและมีอัฒจันทร์แกรนด์สแตนด์รอบสนามที่จะช่วยให้แฟนๆ มากกว่า 100,000 คนที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาชมสามารถมองเห็นการแข่งขันได้อย่างชัดเจน สำหรับสภาพอากาศในประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคมนั้นมีความไม่แน่นอนเพราะยังอยู่ในฤดูมรสุม ซึ่งสภาพอากาศที่เปียกชื้นก็อาจส่งผลกระทบกับการแข่งขันอย่างมาก มิชลินเองคำนึงถึงปัจจัยสำคัญอันนี้ด้วย ดังนั้นยางรุ่น MICHELIN Power Rain ก็อาจจะมีโอกาสถูกนำมาออกมาใช้ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีทั้งยางหน้าแบบ soft และแบบ medium และยางหลังแบบ medium ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นยางแบบสมมาตร จะมีแค่ยางล้อหลังแบบ soft เท่านั้นที่มีหน้ายางแบบไม่สมมาตรโดยมีด้านขวาที่แข็งกว่าเหมือนกับยางประเภท สลิค (slicks) โมโตจีพีจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยการแข่งขันแบบการฝึกซ้อมจำนวนสองรอบที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

มาสด้าประกาศยุทธศาสตร์รถไฟฟ้า

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุทธศาสตร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และการเชื่อมโยงการสื่อสารภายในยานยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสุข ความสนุกสนาน และความเร้าใจในการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้โดยสารเกิดความรู้สึกสงบสุขด้านจิตใจ ผ่านทางอารมณ์และความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ในทุกๆ วันของการขับขี่ พร้อมนำเสนอเรื่องราวเพื่อเพิ่มความสนุกผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์ ยุทธศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยี “การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ซูม-ซูม 2573” โดยกำหนดเป็นพันธกิจสำคัญของบริษัทฯ เพื่อปกป้องรักษาความสวยงามของโลกใบนี้ให้คงอยู่ รวมทั้งยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตของปัจเจกบุคคล และแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาในพื้นที่แหล่งที่ผู้คนอาศัยอยู่ในสังคม และโลกของเรา แผนงานของเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเชื่อมโยงด้านยานยนต์ด้านล่างนี้จะเพิ่มคุณสมบัติตามธรรมชาติของรถยนต์มากขึ้น                 เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Electrification มาสด้าตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยจัดการเรื่องขนาดของรถยนต์ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้มีน้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันได้เร่งพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ในอนาคตข้างหน้า บริษัทฯ จะทำการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยมีอัตราการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงจากแหล่งพลังงานที่สะอาด หรือจำกัดประเภทของรถยนต์เพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “well-to-wheel” ในระดับค่าเฉลี่ยขององค์กร ให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553 มาสด้ากำลังจะนำเอาเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพื่อผลิตรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี พ.ศ. 2573 ในปี พ.ศ. 2573 มาสด้าคาดว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ ของยานพาหนะที่ถูกผลิตขึ้นและยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จะมีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ การพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในบริษัทฯ ด้วยการยกระดับข้อดีต่างๆ ของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และได้รับการแนะนำด้วยปรัชญาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ด้วยการพัฒนาอันมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางโดยเน้นในเรื่องของพฤติกรรมและความรู้สึก มาสด้าจะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ 2 รูปแบบ โดยแบบแรกจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และแบบที่สองจะเป็นในรูปแบบของแบตเตอรี่ทำงานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากเครื่องยนต์โรตารีของมาสด้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และเงียบเป็นพิเศษ ระบบช่วยเพิ่มระยะทาง (Range Extender) ด้วยการเติมประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อีกครั้งเมื่อมีความจำเป็นเพื่อที่จะเพิ่มระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดเบื้องหลังของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) นำเอาคุณสมบัติข้อดีของเครื่องยนต์โรตารีที่มีขนาดเล็กแต่ให้พละกำลังแรง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและเป็นไปได้สำหรับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า...
รถใหม่ต่างประเทศ

ปอร์เช่จับมือ Turo เปิดโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ขับรถสปอร์ต

ปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกสัญชาติเยอรมัน อันมีฐานการผลิตอยู่ในZuffenhausenได้เปิดตัวโครงการนำร่องใหม่ล่าสุดที่เปิดโอกาสให้“Host” หรือเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ซึ่งมีถิ่นพำนักในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถเข้าร่วมบริการระยะสั้นสำหรับการนำเสนอการแบ่งปันประสบการณ์ในการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่โดยตรงผ่านการติดต่อสื่อสารอย่างอิสระด้วยขั้นตอนการเริ่มต้นโครงการในแบบเดียวกับ“Porsche Passport” โดยจำกัดสิทธิ์ในการสมัครเข้าร่วมเฉพาะรุ่นรถยนต์ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวคืออีกหนึ่งความก้าว หน้าในกระบวนการพัฒนายานพาหนะแนวคิดใหม่ในอนาคต โครงการ Porsche Host มีลักษณะการดำเนินงานในแบบ peer-to-peer car sharing programmeหรือการแบ่งปันประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ผ่านธุรกรรมโดยตรงระหว่างบุคคลโปรแกรมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Porsche Digital, Inc. ประสานงานกับTuro พันธมิตรทางธุรกิจของปอร์เช่โครงการนี้จะมีส่วนช่วยให้กลุ่มลูกค้ารถยนต์ปอร์เช่ใน ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโก ดำเนินกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของTuroได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในการเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่สามารถเข้าถึงและสัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการติดต่อสื่อสารโดยตรงจากบุคคลผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ทั้งนี้ระยะเวลาในการเช่ายืมนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ 1 วันจนถึง 1 เดือน Turoตั้งขึ้นในปี 2009 และมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก เป็นองค์กรที่ประกอบธุรกิจตัวกลางสำหรับให้บริการเช่ายืมยานพาหนะ โดยผู้เช่ายืมสามารถติดต่อกับเจ้าของยานพาหนะได้อย่างอิสระอย่างไรก็ตาม รถยนต์ปอร์เช่ที่จะได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ“Porsche Host” นั้น เจ้าของรถยนต์ปอร์เช่คันดังกล่าวคือผู้ที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรพิเศษเฉพาะเพื่อให้ทราบถึงวิธีการและมีทักษะความชำนาญในการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นคือความปรารถนาที่ผู้หลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่ทุกคนต้องการจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิตการขับขี่รถสปอร์ต “การได้ร่วมงานกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เปี่ยมศักยภาพทั้งในด้านของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆอย่างTuroนั้น ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เกิดจากจินตนาการให้กลายเป็นความจริงและสามารถสัมผัสได้ รวมทั้งถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นไปยังกลุ่มลูกค้าของเราเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ปอร์เช่อันสมบูรณ์แบบที่สุด”ข้างต้นคือคำกล่าวจากThiloKoslowskiประธานกรรมการบริหารของ Porsche Digital, Inc.  นอกจากนี้เขายังกล่าวเสริมอีกว่า: “ด้วยการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างปอร์เช่และบริษัทพันธมิตรที่ยอดเยี่ยม เราจึงมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนายานพาหนะและนำเสนอแนวทางการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่” “การร่วมมือกับปอร์เช่นับเป็นโอกาสอันดีในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของเรา” Andre Haddad ประธานกรรมการบริหารของTuro กล่าวเสริมอีกว่า “ผมเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปอร์เช่มาโดยตลอด และผมจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ส่งต่อกุญแจรถปอร์เช่ 911 ของผม ให้แก่บุคคลอื่นผู้มีความชื่นชอบในรถยนต์ปอร์เช่ได้ลองขับแม้เพียงเวลาสั้นๆก็ตาม”...
นวัตกรรม

มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี รุกตลาดยางรันแฟลต

  ยางมิชลินส่ง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ (MICHELIN Primacy 3 ZP) ลงรุกตลาด “ยางรันแฟลต” (Run-Flat Tyre) …ยางที่วิ่งต่อได้แม้ไม่มีลมยางในกรณีที่ยางรั่วซึมหรือถูกตำทะลุขณะใช้งาน (ระยะทางไม่เกิน 80 กิโลเมตร ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้สามารถควบคุมรถและขับต่อไปยังสถานที่ปลอดภัยได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเสี่ยงอันตรายจากการจอดเปลี่ยนยางอะไหล่ข้างทาง พร้อมปรับลดราคาให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสอีกระดับของความปลอดภัยจากยางรันแฟลตได้ในราคาคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ยางในตระกูล ZP (Zero Pressure) ใช้ได้กับรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยางรันแฟลตเท่านั้น เช่น BMW หรือ Mercedes-BENZ เกือบทุกรุ่น จุดเด่นพิเศษของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ คือ ปลอดภัยเป็นเยี่ยมบนทุกสภาพถนนด้วยเนื้อยางสูตรใหม่ที่ช่วยให้มีระยะเบรกสั้นลงกว่ายางตระกูล ZP รุ่นก่อนหน้าทั้งบนถนนเปียกและแห้ง อีกทั้งลวดลายดอกยางแบบใหม่และแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางและดอกยางแบบตัดมุมยังช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสและสมรรถนะการยึดเกาะ จึงเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ, นุ่มสบายในยามขับขี่มากกว่ายางรันแฟลตทั่วไปด้วยเนื้อยางสูตรใหม่บริเวณแก้มยางและท้องยางให้ความยืดหยุ่นช่วยดูดซับแรงกระแทกและเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งยังใช้ลวดเสริมขอบยางขนาดเล็กลงแต่แข็งแรงเท่าเดิมช่วยให้ยางมีน้ำหนักและความกระด้างลดลง  นอกจากนี้ยังให้ความเงียบขณะขับขี่ไม่ต่างจากยางปกติรุ่นเดียวกันของมิชลินอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ ซึ่งมีวางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16 ขนาด (ขอบ 16-19 นิ้ว) ได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ‘ไทร์พลัส’ และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,990 บาทต่อเส้น © Photo François Berrué tel : 0609245160  ...
นวัตกรรม

กู๊ดเยียร์ฉลอง 120 ปี แห่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนยุคใหม่

บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ผู้นำในวงการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ก้าวไกลมานับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในพ.ศ. 2441 ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยาง กู๊ดเยียร์มีความภาคภูมิใจที่ได้ฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์เนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปีของการก่อตั้งบริษัทและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้สร้างสรรค์มา พร้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวไกลกว่าเรื่องยาง เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อน “มีเพียงไม่กี่องค์กรที่สามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้ในจังหวะที่สอดคล้องกับวาระสำคัญของมนุษยชาติ ดังเช่นบริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด โดยหลังจากที่ก่อตั้งบริษัทในช่วงต้นของยุคยานยนต์ กู๊ดเยียร์ได้ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด ทะยานสู่ฟากฟ้าและเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทก็ได้ยืนระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในด้านนวัตกรรมเสมอมา พร้อมกับมุ่งมั่นนำเสนอ “Freedom To Move” มาสู่ผู้บริโภคและลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ ที่เหนือชั้น” มรนายไรอัน แพทเตอร์สัน ประธานบริษัท กู๊ดเยียร์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “จากความสำเร็จตลอด 120 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สืบสานเจตนารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น ในการขับเคลื่อนให้เราพัฒนาไปข้างหน้าสู่การคิดค้นริเริ่มสิ่งใหม่เพื่ออีกหลายทศวรรษข้างหน้า” นายแพทเตอร์สัน กล่าวต่อ “เราเฉลิมฉลองให้กับมรดกแห่งนวัตกรรมให้ห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้เติบโตก้าวหน้าเร็วกว่าในอดีต นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์ยานยนต์ขึ้นมา” จากสนามแข่ง จนมาถึงหุ่นสำรวจ Modular Equipment Transporter (MET) ของยานอะพอลโล กับภารกิจสำรวจดวงจันทร์อันโด่งดัง ผลิตภัณฑ์ของกู๊ดเยียร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ตื่นตาตื่นใจของมนุษยชาติมาแล้วหลายเหตุการณ์ และนี่คือตัวอย่างนวัตกรรมสำคัญของกู๊ดเยียร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และก้าวหน้าต่อไปในอนาคต อดีต – กู๊ดเยียร์ผุดนวัตกรรมรายแรก ในพ.ศ. 2382  นายชาร์ลส์ กู๊ดเยียร์ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนไปตลอดกาล นั่นก็คือกระบวนการคงรูปของยาง (Vulcanization of rubber) บริษัทที่ก่อตั้งตามชื่อของเขาจึงนับว่าเป็นแห่งแรกที่คิดค้นสิ่งใหม่หลายอย่าง ทั้งยางสำหรับรถยนต์เพื่อผู้ขับขี่ทั่วไปของฟอร์ด โมเดล ที (Ford Model T พ.ศ. 2451) ยางอัดลมรุ่นแรกสำหรับอากาศยาน (พ.ศ. 2452) และยางรุ่นแรกเพื่อการสำรวจดวงจันทร์โดยนักบินอวกาศนาซ่า (พ.ศ. 2514) หลังจากที่ได้เปิดตัวยางสำหรับอากาศยานรุ่นแรก...
นวัตกรรมไลฟสไตล์

“กรุงศรี ออโต้” เปิดเทรนด์การตลาดรถยนต์ออนไลน์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในธุรกิจยุค 4.0 การทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้แต่แวดวงธุรกิจซื้อขายรถยนต์ “กรุงศรี ออโต้”ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้มองเห็นเทรนด์ดังกล่าวและจัดกิจกรรมเพื่อแบ่งปันเทคนิคใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ SME และพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดสัมมนาเชิงลึกให้กับผู้แทนจำหน่ายรถยนต์กว่า 90 รายจาก7 แบรนด์ชั้นนำในตลาดในหัวข้อ “การตลาดออนไลน์ สไตล์สมาร์ทดีลเลอร์”เพื่อติดอาวุธในการต่อยอดธุรกิจ โดยมีกูรูด้านการตลาดออนไลน์มาร่วมเปิดมุมมองใหม่ๆ พร้อมเวิร์คชอปสุดพิเศษที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฎิบัติจริงและนี่คือ5เทคนิคการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และการสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างสำหรับธุรกิจรถยนต์ ยู้ฮู! ฉันอยู่ที่นี่ ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาสินค้า บริการ ได้จากทุกพื้นที่ทั่วโลกได้เพียงปลายนิ้วคลิกการสร้างการรับรู้ การสร้างตัวตน และแบรนด์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลาในโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือเสิร์ชเอนจินต่างๆ และหลายครั้งลูกค้าอาจตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าก่อนที่จะเห็นของจริงด้วยซ้ำ ในกรณีของรถยนต์ ผู้บริโภค 1 คนใช้เวลาหาข้อมูลถึง 6 เดือน และจะค้นหาข้อมูลมากที่สุดราว 2 -3 เดือนก่อนจะตัดสินใจซื้อ ดังนั้น วิธีเดียวที่จะเอาชนะใจลูกค้าได้ก็คือ การผลักดันผลิตภัณฑ์หรือชื่อของโชว์รูมให้ไปปรากฏในสายตาลูกค้าให้ได้นั่นเอง จัดหน้าบ้านให้เป็นระเบียบเสมอ เว็บไซต์ถือเป็นบ้านอันมั่นคงของธุรกิจ เพราะหากวันหนึ่งโซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องปิดตัวลง อย่างน้อยก็ยังเหลือหน้าบ้านไว้คอยบอกกับลูกค้าว่าเราคือใคร เว็บไซต์ที่ดีจึงต้องมีการแบ่งหมวดหมู่ชัดเจน คลิกหาอะไรก็เจอ สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด และที่สำคัญต้องมีการอัพเดตข่าวสารเป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ เว็บไซต์ควรมีข้อมูลที่ครอบคลุมตั้งแต่รายละเอียดสินค้า สถานที่ตั้ง ไปจนถึงรายชื่อพนักงาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่ให้ลูกค้าติดต่อด้วยนั้นเป็นพนักงานของบริษัทจริงหรือไม่อีกด้วย เล่นกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ครบทุกด้าน ฐานข้อมูลและความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถออกแคมเปญหรือรูปแบบบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ แต่นอกเหนือไปจากการกระตุ้นยอดขายแล้วการตลาดออนไลน์ยังสามารถมีบทบาทในการสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับกลุ่มลูกค้าได้เช่นกัน ในปัจจุบัน ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์หลายรายได้หันมาสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรายการบนช่องยูทูบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถแต่ละรุ่น หรือการทำกิจกรรมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิง เช่น โปรโมชั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี พร้อมอบรมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับรถสนุกๆ ถ่ายแบบนี้สิดีแน่ เหนือไปกว่าเนื้อหาและโปรโมชั่น การใช้ภาพที่ดึงดูดใจเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในโลกออนไลน์ ในธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ เรามักเห็นการถ่ายภาพการส่งมอบรถโดยมีลูกค้าเรียงหน้ากระดานรับกุญแจแบบเดิมๆ ดังนั้น หากตัวแทนจำหน่ายฯ สร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ และหาจุดเด่นให้กับภาพที่ต่างออกไปรวมถึงเฟ้นหาอิริยาบถที่ลูกค้ามั่นใจ ก็จะช่วยสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี นั่งในใจผู้บริโภคด้วยบริการที่รวดเร็ว แพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้สะดวกยิ่งขึ้นก็จริง แต่นั่นย่อมหมายถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าพวกเขาต้องได้รับบริการที่รวดเร็วกว่าเดิมไปด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจรถยนต์ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปดูข้อมูลรถ เปรียบเทียบแคมเปญได้จากทุกดีลเลอร์และโชว์รูม แบรนด์ที่ไม่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าอย่างฉับไวอาจต้องแพ้ศึกไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้เลยก็เป็นได้ กิจกรรม “การตลาดออนไลน์ สไตล์สมาร์ทดีลเลอร์”จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

เบนซ์อวดโฉมรถเอสยูวีพลังไฟฟ้าใหม่ในชื่อ EQC

ค่ายรถหรูอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ฤกษ์อวดโฉมรถยนต์พลังไฟฟ้าที่พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในรูปลักษณ์เอสยูวีสุดหรูในชื่อ EQC มิติตัวถัง EQC  ยาว 4,761 มม. กว้าง 1,884 มม. สูง 1,624 มม. และระยะฐานล้อ 2,873 มม. ขณะที่รูปทรงเป็นแบบ 5 ประตู ด้านท้ายมีแนวหลังคาที่ลาดเทต่ำในสไตล์สปอร์ต โครงรถโดยรวมมีพื้นฐานจากรุ่น GLC เส้นสายบนตัวถังด้านท้ายตรงแนวของขอบกระจกตรงเสาหลัง ส่วนรายละเอียดของรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อให้ดูล้ำสมัย และเฉียบคมสไตล์สปอร์ต ภายในของ EQC  รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับการออกแบบให้ดูสะอาดตาและล้ำหน้า โดยใช้จอไวด์สกรีนความละเอียดสูงในการแสดงข้อมูล พร้อมกับระบบ Infitainment ใหม่ MBUX ซึ่งใช้ AI ในการเรียนรู้การใช้งานต่างๆ ของผู้ขับ และระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง  เมอร์เซเดส เบนซ์  เปิดตัว EQC  400 ซึ่งขุมพลังในการขับเคลื่อนคือมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่เพลาล้อคู่หน้าและเพลาล้อคู่หลัง ที่มีพละกำลัง 408 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 77.9 กก.-ม. ภายใต้การขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ  4 Matic โดยที่มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวจะรับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนที่มีความจุ 80 กิโลวัตต์ และถูกติดตั้งไว้ที่พื้นรถระหว่างล้อหน้า-หลัง ซึ่งจากการออกแบบระบบให้มีการทำงานอย่างชาญฉลาด แบะบริหารการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวรถได้อย่างลงตัว ซึ่งผลการทดสอบของยุโรป NEDC ระบุว่า สามารถทำระยะทางได้ถึง 450 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. ส่วนรูปแบบการขับขี่ก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ คือ Comfort,...
รถใหม่ต่างประเทศออโตโชว์

ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ เดินเครื่องสายการผลิตแล้ว

สายการผลิตปอร์เช่ มาคันน์ รุ่นใหม่ (The new Porsche Macan) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่โรงงานไลป์ซิก ยนตรกรรมสปอร์ตSUV คันแรกที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งมอบถึงมือลูกค้า นับตั้งแต่ขั้นตอนการทำสีตัวถังภายนอก ตลอดจนการประกอบชิ้นงานสุดประณีตลงบนตัวรถผ่านกระบวนการผลิตคุณภาพสูงทั้งนี้มีการจัดเตรียมพื้นที่ ส่วนหนึ่งในโรงงานเป็นพิเศษเพื่อการผลิตรถยนต์ปอร์เช่รุ่นนี้โดยเฉพาะ มาคันน์ (Macan) สีMamba Green Metallicคือรถคันแรกจากสายการผลิตที่กำลังเดินทางเพื่อส่งมอบถึงมือลูกค้าชาวจีนเป็นรายแรก  ทั้งนี้ประเทศจีนได้กลายเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูงที่สุดสำหรับรถยนต์ปอร์เช่ ด้วยปริมาณการส่งมอบรถใหม่ที่สูงกว่า 100,000 คัน นับตั้งแต่มีการเปิดตัวมาคันน์ (Macan) อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2014รถสปอร์ตcompact SUV รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ความต้องการและยอดการสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องผลักดันให้โรงงานต้องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อ ตอบสนองต่อกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา: ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ กำลังการผลิตปอร์เช่มาคันน์(Porsche Macan) ของโรงงานไลป์ซิก จะได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 420 คันต่อวัน นั่นหมายความว่าอัตราการผลิตดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่วันเท่านั้น “มาคันน์(Macan) คือหนึ่งในรุ่นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดสำหรับยนตรกรรมปอร์เช่ที่ถือกำเนิดจากสายการผลิตของโรงงานไลป์ซิก”    Gerd Ruppประธานคณะกรรมการบริหารของ Porsche Leipzig Gmbhได้กล่าวไว้ “ตั้งแต่ปี 2011เป็นต้นมารถยนต์รุ่นนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆมากมายในองค์กรของเรา: ในช่วงเวลาดังกล่าวโรงงานไลป์ซิกได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจนเต็มศักยภาพสำหรับการมาถึงของรถสปอร์ต compact SUVรุ่นใหม่รถคันนี้ถูกผลิตจากส่วนงานผลิตตัวถังและส่วนงานสีที่สร้างขึ้นใหม่โดยเฉพาะระยะแรกของการเดินเครื่องโรงงานในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014เราสามารถผลิตได้ถึง 40,000 คันต่อปี ทุกวันนี้กำลังการผลิตของเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 90,000 คันต่อปี ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั่วทุกมุมโลก และตั้งแต่ปี 2014ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ได้กลายเป็นรถสปอร์ตcompact SUV ที่ได้รับการมอบถึงมือลูกค้าผู้หลงใหลยนตรกรรมสายพันธุ์ปอร์เช่ในหลากหลายประเทศมากกว่า 350,000 คัน” การปรับโฉมตัวถังภายนอกในหลายๆ ส่วนครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ มาคันน์ รุ่นใหม่(The new Macan)มีภาพลักษณ์ที่เฉียบคม ล้ำสมัย แสดงถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ มุมมองด้านท้ายได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูปราดเปรียว และโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ไฟท้ายแบบ 3 มิติ three-dimensional LEDคาดยาวตลอดแนวตัวถังบ่งบอกถึงบุคลิกความเป็นรถยนต์ปอร์เช่ยุคใหม่อย่างชัดเจนส่วนงานผลิตตัวถังภายในโรงงานไลป์ซิกถูกสร้างขึ้นเพิ่มเติม เพื่อเป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนตัวถังด้านท้ายรถนอกจากนี้ในอีกหลายส่วนงานของสายการผลิตและประกอบ ล้วนแล้วแต่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสมบูรณ์แบบรวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตยนตรกรรม สปอร์ต compact SUVทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สามารถรับประกันได้ว่า ปอร์เช่...
นวัตกรรมรถยนต์ในประเทศไลฟสไตล์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือ 3 เครือโรงแรมใหญ่ขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ EQ - Electric Intelligence by Mercedes-Benz ลุยยกระดับการให้บริการด้านรถยนต์ไฟฟ้า เต็มสูบ ดำเนินการขยายเครือข่ายจุดติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเฟสแรก กว่า 63 จุดทั่วประเทศ ใน 3 เครือโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ Marriott  Minor Hotels และ Hilton มุ่งให้บริการตั้งแต่รถลิมูซีนไปจนถึงลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่โรงแรม พร้อมเดินหน้าเตรียมเพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายแห่งในอนาคต นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “เมอร์เซเดส-เบนซ์ดำเนินงานภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ผ่านการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่เราให้ความสำคัญ คือ แบรนด์เทคโนโลยี ‘EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz’ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว และการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปูทางไปสู่การขับขี่แบบปลอดการปล่อยไอเสีย โดยภายในปี 2565 บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนจะผสานระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์จากแบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทฯ กำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50 รุ่นย่อยอีกด้วย “สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น และเล็งเห็นข้อดีของการเลือกใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย 3 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตได้เร็ว คือ นโยบายการสนับสนุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ ทั้งในด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต หรือนโยบายส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ของค่ายรถต่างๆ ที่เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค รวมถึงการมีสายการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน และสุดท้ายคือการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกท่านว่าจะได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด” นายไมเคิล เกรเว่ กล่าวต่อไปว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐเสมอมา เราจึงพร้อมตอบรับต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่การพัฒนายานยนต์แห่งอนาคตและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่ใช้พลังงานไฟฟ้าผ่านการลงทุนเปิดสายการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทุกรุ่นและการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย พร้อมนำความรู้ความเชี่ยวชาญจากบริษัทแม่มาพัฒนาบุคลากรชาวไทยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศไลฟสไตล์

ฟอร์ดพรีเซลล์ สปอร์ต มัสแตง เคาะเริ่มที่ 3.599 ล้านบาท

ฟอร์ดสยบข่าวลือประกอบในไทย  นำเข้าฟอร์ด มัสแตง จากอเมริกาเจาะตลาดไทยในเดือนตุลาคม  เคาะราคาเริ่มต้นที่ 3.599 ล้านบาท เปิดให้ลูกค้าสั่งจองรถล่วงหน้าได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ 19 แห่งทั่วประเทศ ด้วยดีไซน์ที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวกว่าที่เคย รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full-LED ฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตรและเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างโหมดแอพพลิเคชัน Track AppsTM ที่ให้ผู้ขับขี่เปิดประสบการณ์การขับขี่แบบในสนามแข่ง พร้อมเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างระบบ SYNC 3 บนแผงหน้าปัดแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว ฟอร์ด มัสแตง รุ่น GT และ EcoBoost มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip ให้การขับขี่ในโค้งสนุกสนานขึ้น และล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้วในทั้งสองรุ่น รวมถึงระบบเบรค Brembo ในรุ่น GT และฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย ที่เข้ากับเอกลักษณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนาน และยังคงตำนานอันโดดเด่นกว่า 50 ปี ในแบบฉบับของฟอร์ด มัสแตง ได้เป็นอย่างดี ฟอร์ด มัสแตง มีจำหน่าย สองรุ่น ราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัว  ฟอร์ด มัสแตง 5.0 L V8 GT Coupe Performance Pack  ราคา 4.799 ล้านบาท   ส่วน ฟอร์ด มัสแตง 2.3 L...
1 21 22 23 24 25
Page 23 of 25