รถยนต์ต่างประเทศ

นวัตกรรม

มาสด้าอวดโฉมรถต้นแบบVISION COUPE ครั้งแรกในอาเซียน

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ประกาศจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ขึ้นครั้งแรกในอาเซียน เพื่อถ่ายทอดปรัชญาการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ เจนเนอเรชั่นใหม่ ผ่านรถต้นแบบ 2 คัน MAZDA RX-VISION และ VISION COUPE ที่นำเข้ามาจัดแสดงจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเผยทิศทางการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่นาน รวมทั้งเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของความมั่นคงด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทยและอาเซียน จากการเริ่มต้นแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และภายใต้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ในเจนเนอเรชั่นแรก มาตั้งแต่ปี 2556 ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าเติบโตแบบก้าวกระโดดขยับขึ้นครองอันดับสามของตลาดรถยนต์นั่งอย่างถาวร รวมทั้งก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันมีรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและภายใต้รูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ ด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี มีรถมาสด้าวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยกว่า 180,000 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 มียอดขายรวมสูงกว่า 110,000 คัน ตามมาด้วย มาสด้า3 จำนวนกว่า 30,000 คัน รถอเนกประสงค์มาสด้า CX-5 จำนวน 25,000 คัน และ CX-3 อีกจำนวน 15,000 คัน นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกของการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ซึ่งนับเป็นวาระสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างมิติใหม่ของวงการยานยนต์ในประเทศไทยที่บริษัทผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังและนวัตกรรมการออกแบบในรูปแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีความเข้าใจเรื่องปรัชญาการออกแบบของมาสด้ามากยิ่งขึ้น ด้วยทีมดีไซเนอร์ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น...
นวัตกรรม

นิสสัน ลีฟ กับภารกิจแหล่งสำรองไฟฟ้าของเยอรมนี

Nissan LEAF นิสสัน ลีฟ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเสมือนสถานีพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ ตามข้อกำหนดผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าของเยอรมนี นิสสัน ลีฟ มีส่วนช่วยสร้างก้าวสำคัญให้กับพลังงาน และการเคลื่อนที่ไร้มลพิษในเยอรมนี จากการคิดค้นนวัตกรรมด้านการชาร์จ และการจัดการพลังงานร่วมกับคู่ค้าอย่างโมบิลิตี้ เฮาส์ (Mobility House) บริษัทด้านเทคโนโลยี ENERVIE บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน และ Amprion ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับระบบส่งกำลัง ทุกบริษัทฯ คัดเลือก และรับรองให้ นิสสัน ลีฟ ผ่านข้อกำหนด และกฎระเบียบที่สำหรับการควบคุมกำลังไฟฟ้า นั้นหมายความว่า สามารถนำนิสสัน ลีฟเป็นแหล่งสำรองพลังงานสำหรับโครงข่ายไฟฟ้าของเยอรมนี นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการจัดตั้งเทคโนโลยีแบบ Vehicle-to-Grid หรือ V2G ในประเทศเยอรมนี "เราเชื่อมั่นในอนาคตที่ปราศจากมลภาวะ" นายกีโม เพ็ปเลอร์รา รองประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิสสัน เซ็นเตอร์ ยุโรป (Guillaume Pelletreau, Vice President and Managing Director, Nissan Center Europe)กล่าว "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ นิสสัน ลีฟได้รับการยอมรับว่าเป็นรถไฟฟ้าคันแรกที่เหมาะสมสามารถคงความเสถียรและความถี่ของกระแสไฟฟ้าในของกริด โดยตัวแบตเตอรีของ ลีฟจะมีส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพลังงานในเยอรมนีและสร้างความยั่งยืนในอนาคต" เพื่อให้การวางโครงข่ายระบบไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนแยกออกจากส่วนกลางจะต้องมีการวางแผนอย่างดี และนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยสร้งเสถียรภาพให้กับโครงข่ายระบบไฟฟ้าของเยอรมันนี ประชากรมากมายให้ความสำคัญ และหันไปใช้พลังงานทดแทนซึ่งส่งผลกระทบต่อการให้ผลิตไฟฟ้าในระยะสั้น จึงต้องมีการปรับสมดุลของแหล่งพลังงานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นได้ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างนิสสัน ลีฟมีเทคโนโลยีการชาร์จสองแบบ มีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ มีระบบชาร์จแบบ CHAdeMO ไม่เพียงแต่จะดึงพลังงานไฟฟ้าจากกริดมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อใช้ในการขับขี่ แต่ในกรณีที่จำเป็นก็สามารถถ่ายพลังานกลับมาสู่โครงข่าย หรือ กริด ได้ซึ่งนี่คือแนวคิดที่เรียกว่า Vehicle-to-Grid (V2G)   รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันสามารถชาร์จได้ทั้งสองรูปแบบเป็นรากฐานสำคัญในการวางแผนเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านพลังานให้กับบริษัท ENERVIE ณ เมืองฮาเกน ประเทศเยอรมนี โดยนำนวัตกรรมอัจฉริยะในการชาร์จ และจัดการพลังานจากบ้าน ทำให้สามารถวางพื้นฐานที่บูรณาการเข้ากับโครงการนำร่อง ENERVIE ณ...
นวัตกรรม

บอนเนวิลล์ เรซเซอร์ สร้างสถิติกว่า 264.6  กม/ชม.

การไล่ล่าความเร็วเปรียบเสมือนการแสวงหาความเป็นเลิศซึ่งกินพื้นที่ส่วนพิเศษในใจของสาวกรถมอเตอร์ไซค์ทุกคน และจะมีอะไรที่โดนใจนักบิดไปกว่าการสร้างสถิติความเร็วสูงสุดใหม่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกคัสตอมปรับแต่งพิเศษได้อีก เมื่อเร็วๆ นี้ รอยัล เอนฟิลด์ ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลกได้สร้างรถมอเตอร์ไซค์แข่งคัสตอม บอนเนวิลล์ ซอลต์ แฟลตส์ (Bonneville Salt Flats) โดยสามารถทำสถิติความเร็วสูงสุดกว่า 264.6  กม//ชม. (157. ไมล์/ชม.) (รอการรับรองโดยสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศหรือ FIM) บนที่ราบลานเกลือซอลต์ แฟลตส์ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิลด์ ได้สร้างรถมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์แข่งรุ่นพิเศษขึ้นมาจากความร่วมมือกับสำนักแต่งชื่อดังอย่างเอสแอนด์เอส ไซเคิล (S&S Cycle) และ แฮริส เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Harris Performance) ตอกย้ำชื่อเสียงของรถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ที่รองรับการปรับแต่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมตอกย้ำให้เห็นถึงสมรรถนะระดับพลิกโฉมวงการของเครื่องยนต์สูบคู่ 650 ทวินรุ่นใหม่ล่าสุดของรอยัล เอนฟิลด์ และถึงแสดงออกถึงสมรรถนะเหนือชั้นของเครื่องยนต์ในแพลทฟอร์มดังกล่าว นี่คือรถจักรยานยนต์คัสตอมที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของรอยัล เอนฟิลด์ โดยสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อการสร้างสถิติความเร็วที่บอนเนวิลล์โดยเฉพาะ การออกแบบเครื่องยนต์ของบอนเนวิลล์ เรซเซอร์เป็นฝีมือของสำนักแต่งเอสแอนด์เอส ไซเคิลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยร่วมงานกับรอยัล เอนฟิลด์ในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์สายแดร็กอย่างล็อค สต็อค (Lock Stock) ในยุโรปมาแล้ว โดยเอสแอนด์เอสใช้ประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในการปรับแต่งตัวรถและแข่งขันบนซอลต์ แฟลตส์ ขณะที่แฮริส เพอร์ฟอร์แมนซ์ใช้ความเชี่ยวชาญด้านตัวถังรถมอเตอร์ไซค์ช่วยออกแบบแชสซีส์ หลังจากเคยสร้างแชสซีส์สำหรับมอเตอร์ไซค์งานแข่งขันกรังด์ปรีซ์และซูเปอร์ไบค์ให้แก่นักขี่ชั้นยอดของโลกหลายต่อหลายคน แต่นี่คือการสร้างแชสซีส์เพื่อการสร้างสถิติความเร็วครั้งแรกของสำนักแฮริส เพอร์ฟอร์แมนซ์ ทีมงานได้รับข้อมูลสรุปจากทีมนักออกแบบของรอยัล เอนฟิลด์ ก่อนเริ่มต้นทำงานและหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนต่อมา บอนเนวิลล์ เรซเซอร์ก็พร้อมที่จะพุ่งทะยานไปบนลานเกลือ ความสำเร็จอันมหัศจรรย์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการขี่ของนักบิดสาววัยเพียง 18 ปีชือว่า เคย์ลา ริวาส ถึงแม้เธอจะอายุน้อยแต่อัดแน่นด้วยความมั่นใจและพลังที่ล้นเหลือ เมื่อเราผสานความมั่นใจของผู้ขับขี่เข้ากับศักยภาพด้านวิศวกรรรมและการออกแบบของทีมงาน ตลอดจนความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและเป็นหนึ่งเดียวต่อความสำเร็จในโครงการนี้ ส่งผลให้บอนเนวิลล์ เรซเซอร์สร้างสถิติความเร็วสูงสุด 132 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยไม่ต้องพึ่งพาไนตรัสหลังจากผ่านการทดสอบขี่มาแล้ว 22 ครั้ง แต่สมรรถนะที่ล้นเหลือของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ให้ทีมงานพยายามลองทำความเร็วให้สูงขึ้นอีก โดยปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ ปรับระยะฐานล้อ และปรับแต่งอีกเล็กน้อยซึ่งทำความเร็วสูงสุดขยับขึ้นไปถึงกว่า 159 ไมล์/ชม.( 264.6  กม/ชม.) บอนเนวิลล์...
นวัตกรรมรถยนต์ในประเทศ

  PUMA  เปิดตัวแบตเตอรี่รถยนต์กึ่งแห้งเจาะอีโคคาร์

บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ 2547 โดยเป็นผู้นำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ ชนิด Maintenance free แบบฝาปิดสนิท (SMF ) ภายใต้แบรนด์  PUMA  เป็นรายแรกที่ทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 14 ปี  จนเป็นที่ยอมรับขอผู้ใช้รถยนต์ชั้นนำ และ ทำให้ผู้ผลิตในประเทศเริ่มทำการผลิตแบตเตอรี่ชนิด SMF จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน นายบุญชัย เมธีดุลสถิต กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่ ชั้นนำ ของประเทศไทย  มีสินค้าแบรนด์ ต่าง ๆ ได้แก่ PUMA Black , PUMA Gold , MF Power , OPTIMA Battery , Index, MF Charger และ Midtronics Tester  และ ขณะนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ ได้มีการพัฒนาและ เปลี่ยนแปลงการทำงานของเครื่องยนต์ และ ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นอย่างมาก ทำให้แบตเตอรี่ ก็ต้องมีการพัฒนา เพื่อตอบสนองการทำงานของเครื่องยนต์  จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมที่บริษัท จะเริ่มแนะนำผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่ PUMA Start Stop Series ทีมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน และ ลดการปล่อยไอเสีย ไม่อย่างมีประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ PUMAStart...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ปอร์เช่ ไฟเขียวผลิต มิชชั่นอีครอสทัวริสโม่

ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าพลังแรงเวอร์ชั่นที่ 2  ผลงานชั้นเลิศจากZuffenhausen: หลังการประชุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของPorsche AG มีมติเป็นเอกฉันท์ เปิดไฟเขียวอนุมัติเดินสายการผลิตมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่ (Mission E Cross Turismo) ต่อยอดจินตนาการจากรถยนต์ต้นแบบ concept study Mission E Cross Turismoให้กลายเป็นความจริง และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับหัวแถวของโลกรายนี้สามารถสร้างสรรค์ตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 300 ตำแหน่งงานภายในสำนักงานใหญ่ที่Zuffenhausenเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการจัดแสดงอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ Geneva Motor Show 2018 ที่ผ่านมา รถยนต์ต้นแบบมิชชั่นอีครอสทัวริสโม่(Mission E Cross Turismo)ที่สามารถวิ่งใช้งานได้จริง นับเป็นไฮไลท์สำคัญของงานที่ Geneva และแน่นอนว่ารถคันนี้สามารถสร้างกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมทั้งจากผู้เข้าร่วมชมงานรวมไปถึงสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่มีโอกาสได้สัมผัส รถสปอร์ต 4 ประตูตัวถังสไตล์ Cross Turismo ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสถาปัตยกรรมเทคโนโลยี 800โวลต์สุดล้ำยุค พร้อมเชื่อมต่อกับระบบโครงข่าย fast charging network ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้าและภายใต้การขับเคลื่อนเป็นระยะทางไกลถึง 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ความแรงที่เพิ่มเติมจากไทคานน์(Taycan)รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งมีกำหนด การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019 โดยสายการผลิตไทคานน์(Taycan)สามารถสร้างงานใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1,200 ตำแหน่งให้แก่โรงงานในZuffenhausenความสำคัญของสายการผลิตดังกล่าวคือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเพื่อความยั่งยืน ในทุกขั้นตอนจะปราศจากมลพิษของสารประกอบคาร์บอน ทั้งนี้ปอร์เช่วางแผนลงทุนด้วยงบประมาณมากกว่า6,000 ล้านยูโรสำหรับการพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าภายในปี 2022  ...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

ก้าวเข้าสู่ยุครถสปอร์ตพลังไฟฟ้ากับ ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่

ด้วยการทุ่มงบประมาณลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านยูโรพร้อมด้วยบุคลากรคุณภาพกว่า 1,200 ตำแหน่งทั้งหมดนี้เพื่อการถือกำเนิดของปอร์เช่ไทคานน์(Porsche Taycan)เท่านั้น พร้อมกับการมุ่งมั่นปรับปรุงพัฒนาสายการผลิตใหม่ Porsche Production 4.0 ผสานกับแคมเปญเผยแพร่องค์ความรู้ให้กระจายทั่วถึงทุกภาคส่วนภายในองค์กร ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อพันธกิจการสร้างสรรค์อนาคตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า บริษัทผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลก กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ และนี่คืออีกหนึ่งครั้งที่หน้าประวัติศาสตร์วงการยานยนต์จะต้องจารึกเอาไว้ “เราคาดการณ์ว่าภายในปี 2025กว่า50เปอร์เซ็นต์ ของรถยนต์ปอร์เช่รุ่นใหม่ที่วางจำหน่าย จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า” ข้างต้นคำกล่าวของ Lutz Meschkeรองประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้รับผิดชอบกำกับดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของปอร์เช่งบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลงทุนในภาคปฏิบัติอีกด้วยอาทิ การพัฒนาหน่วยงานและปรับปรุงกรรมวิธีการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในแง่ของผลกำไรขั้นต้นซึ่งจะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์นั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด"นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ในส่วนของรายรับจากผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลควรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากความสำเร็จของธุรกิจหลักของเรา"Meschke กล่าวเสริม อีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงศักยภาพระดับสูงของกระบวนการผลิตรถยนต์และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในสายการผลิตปอร์เช่ไทคานน์ใหม่นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า“factory within a factory” ในโรงงานหลักที่Zuffenhausenปอร์เช่เริ่มส่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงการยกระดับตนเองออกจากขั้นตอนการผลิตรูปแบบเดิมAlbrecht Reimoldสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบสายการผลิตและโลจิสติกส์อธิบายว่า “ด้วยการนำกระบวนการผลิตแบบยืดหยุ่นมาปรับใช้งาน ปอร์เช่จะกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ใช้ระบบการขนส่งของสายงานแบบ driverless transport systems อย่างต่อเนื่องในสายพานการผลิต” สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการผสมผสานข้อได้เปรียบนานับประการระหว่างวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอันรวดเร็วและวิธีการผลิตแบบยืดหยุ่นที่เต็มไปด้วยความอเนกประสงค์ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการดังกล่าวยังช่วยเพิ่มจำนวนรอบในการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น โดยที่ใช้พื้นที่ในการผลิตเท่าเดิมด้วยแนวคิดที่ยึดตามหลัก“smart, green, lean”ปอร์เช่ยังสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรสำหรับการผลิตได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยกระบวนการผลิตปอร์เช่ ไทคานน์ นั้นไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารประกอบคาร์บอนสายการผลิตแห่งนี้ตั้งเป้าหมายเพื่อการเป็นโรงงานที่ปราศจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์ในอนาคต ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดขององค์ความรู้ที่มีการเคลื่อนไหวและถ่ายทอดระหว่างสายงานมอเตอร์สปอร์ตและสายการผลิตรถยนต์ปกตินั้นจำเป็นต้องได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ รถแข่งปอร์เช่919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid)ผู้พิชิตชัยชนะจากการแข่งขัน Le Mans มาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้า 800โวลต์ที่ได้รับการติดตั้งใน ไทคานน์(Taycan)คือสิ่งที่ส่งต่อมาจากรถแข่งพลังแรงคันดังกล่าวระบบขับเคลื่อนสุดล้ำที่เป็นหัวใจหลักของปอร์เช่ 919(Porsche 919) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดบรรทัดฐานให้กับแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าในรถยนต์: ไม่ว่าจะเป็นชุดแบตเตอรี่ การจัดวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมไปถึงปริมาณความจุและกระบวนการชาร์จพลังงานทั้งหมดข้างต้นล้วนแล้วแต่ผ่านการค้นคว้า วิจัย พัฒนาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้เหมาะสมกับศักยภาพระดับสูงของระบบ 800 โวลต์ปอร์เช่ผลักดันทุกความเป็นไปได้โดยมีจุดมุ่งหมายในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในด้านเทคนิคให้หมดสิ้นไปโดยแบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithium-ionเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้สามารถสนองตอบต่อเงื่อนไขของการประลองความเร็วบนสนามแข่งขันอันสุดแสนทรหดปอร์เช่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีมากมายมาเป็นระยะเวลายาวนานจนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการสร้างอุปกรณ์กัก เก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีความจุมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน คือเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพชั้นเลิศในการชาร์จพลังงานย้อนกลับมายังแบตเตอรี่lithium-ion ด้วยระยะเวลาเพียง 4 นาทีสามารถชาร์จพลังงานเพียงพอสำหรับการเดินทางไกลถึง 100 กิโลเมตร  กระบวนการ Quick charging มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบชาร์จพลังงานสำหรับยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั่นคือเหตุผลที่โครงการปอร์เช่ E-Performance ตัดสินใจลงมือพัฒนาในหลากหลายจุดครอบคลุมทั้งระบบสาธารณูปโภคที่สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการใช้งานทั้งภายในที่พักอาศัยและระหว่างการเดินทางด้วยปริมาณความจุพลังงานไฟฟ้าสูงสุดกว่า 22กิโลวัตต์ระบบ Porsche Mobile...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

Volvo 360c ยานยนต์ไร้คนขับ ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ

วอลโว่ ริเริ่มแนวคิดการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่น 360c ใหม่ล่าสุด มุ่งหน้าสู่ความท้าทายใหม่ในการนำเสนอเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมเรียกร้องให้ทั่วโลกสร้างมาตรฐานสากลรูปแบบใหม่เพื่อการสื่อสารของรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย การขับเคลื่อนอัตโนมัติและความปลอดภัยมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก และเทคโนโลยีมีศักยภาพในการยกระดับสวัสดิภาพบนท้องถนนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากการที่วอลโว่ได้คิดค้นเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชั่วข้ามคืน หากต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น รถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะถูกนำมาใช้ในสภาพการขับขี่บนท้องถนนแบบผสมผสานซึ่งรถยนต์ไร้คนขับจะได้ใช้ถนนร่วมกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ สภาพการจราจรบนท้องถนนนั้นระบบอัตโนมัติไม่สามารถตรวจจับผู้อื่นและไม่สามารถล่วงรู้ถึงเจตนาของผู้ขับรถยนต์คันอื่นได้ ซึ่งนี่ถือเป็นองค์ประกอบหลักของการเกิดปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ท้องถนนในทุกวันนี้ ทีมวิศวกรด้านความปลอดภัยของวอลโว่จึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ความท้าทายนี้ เพื่อค้นหาการสร้างวิธีการที่ปลอดภัยในการสื่อสารระหว่างรถยนต์ระบบอัตโนมัติกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนารถยนต์รุ่น 360c รุ่นใหม่ของวอลโว่ นอกจากนี้ วอลโว่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ต้องกังวลถึงรูปแบบหรือแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ระบบอัตโนมัติที่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน รถยนต์รุ่น 360c แก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ด้วยการนำเสนอระบบที่จับทั้งสัญญาณเสียง สี ภาพ การเคลื่อนไหวภายนอกตัวรถ รวมถึงการผสมผสานเครื่องมือเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความชัดเจนได้ตลอดเวลาว่ารถยนต์คันนี้จะทำสิ่งใดเป็นไปตามลำดับ สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด แม้การออกแบบเทคโยโลยีการสื่อสารที่ปลอดภัยของ 360c จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารเจตนาของผู้ขับไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ แล้วก็ตาม แต่ 360c จะไม่มีการบังคับทิศทางหรือให้คำชี้นำใด ๆ กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ “เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า รูปแบบการสื่อสารนี้ควรกำหนดเป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนสามารถสื่อสารกับรถยนต์ระบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลว่าเป็นรถยนต์ที่พัฒนาโดยผู้ผลิตรายใด” มาลิน เอคโฮล์ม รองประธานศูนย์ความปลอดภัยวอลโว่ กล่าว “เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องไม่ชี้นำผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ให้ปฏิบัติสิ่งใดเป็นขั้นตอนตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่านี่คือวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดของรถยนต์ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ในการสื่อสารกับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป” รถยนต์รุ่น 360c แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวอลโว่ในเรื่องของการเดินทางในอนาคต ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ พลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้แบรนด์วอลโว่รุกสู่ตลาดที่มีศักยภาพแห่งใหม่ รถยนต์รุ่นนี้ยังมอบความเป็นเลิศในการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติแห่งอนาคตทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่การมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ สำนักงานเคลื่อนที่ ห้องพักผ่อน และศูนย์รวมความบันเทิง ซึ่งจะเปลี่ยนแนวคิดในการเดินทางของผู้คนไปตลอดกาล สำหรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับ ทีมวิศวกรรด้านความปลอดภัยของวอลโว่ได้คำนึงถึงอนาคตของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและท่วงท่าของผู้โดยสารที่จะส่งผลถึงความปลอดภัย โดยได้มีการติดตั้งผ้าห่มนิรภัยรุ่นพิเศษในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอนหลับเพื่อแสดงถึงระบบการควบคุมแห่งอนาคตที่ทำงานเหมือนกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบสามจุด แต่สามารถปรับตำแหน่งให้เหมาะสมกับการเอนตัวนอนของมนุษย์ในขณะเดินทางได้อย่างเหมาะสม รถยนต์วอลโว่รุ่น 360c มุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่มีศักยภาพต่อการเติบโตของบริษัท และถือเป็นการสื่อนัยต่อความจำเป็นในการวางผังเมือง การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการวางแนวทางการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของเมืองสมัยใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้  ...
รถยนต์ต่างประเทศ

ยอดขายปอร์เช่เติบโต ในเยอรมนีและทวีปยุโรป

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี: Porsche AG สามารถเพิ่มจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้มากขึ้นถึง6เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 196,562 คันภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนแรกของปี 2018ด้วยการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกรายนี้ ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของปอร์เช่ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรป โดยแสดงให้เห็นจากอัตราการเติบโตที่เพิมสูงขึ้นถึง 9 เปอร์เซ็นต์ หรือ 66,551คันเฉพาะในประเทศเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ปอร์เช่มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึงกว่า13เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 24,709 คันในส่วนของประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ ตัวเลขจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง4เปอร์เซ็นต์ หรือ 56,254 คันเมื่อพิจารณาแยกแต่ละรุ่นปอร์เช่พานาเมร่า (Porsche Panamera)คือรุ่นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นสัดส่วนที่เติบโตสูงสุด:หลังสิ้นเดือนกันยายน จำนวนของรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตูที่ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ทางด้านปอร์เช่ 911 (Porsche 911)สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายที่ตัวเลขสองหลักด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 19 เปอร์เซ็นต์สำหรับปอร์เช่รุ่นที่สร้างยอดจำหน่ายได้มากที่สุดยังคงเป็นสปอร์ต SUV มาคันน์ (Macan) จากยอดส่งมอบรวม 68,050 คันและตามมาด้วยคาเยนน์ (Cayenne)ที่ 49,715 คัน “ในประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป ผลจากความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น คือหัวใจหลักที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรักษาสถานะความเป็นที่สุดแห่งยนตกรรมสปอร์ตที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลก รวมทั้งเป็นที่ต้องการครอบครองของบรรดาผู้หลงใหลความแรงได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเก้าเดือนแรกของปีนี้” ข้างต้นคือคำกล่าวของ  Detlev von Platenสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานขายและการตลาดของปอร์เช่ “นอกจากนี้พวกเรายังรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเช่นเดียวกัน”   “ยังคงมีภารกิจสำคัญที่ท้าทายความสามารถอีกมากมาย รอคอยพวกเราอยู่ในไตรมาสที่ 4 แน่นอนว่าเราจะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อให้มั่นใจว่างานดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงไปได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทดสอบWLTP test cycle ทดสอบการทำงานของการกรองน้ำมันเชื้อเพลิงและการยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้” von Platenกล่าวเสริมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับด้านมลภาวะซึ่งเพิ่งถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการในทวีปยุโรปตั้งแต่วันที่1กันยายน2018 ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต โดยปอร์เช่เริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ด้วยรุ่นสปอร์ต 2 ประตูคือ 911และ 718 เป็นอันดับแรกตามมาด้วยมาคันน์ใหม่ (The new Macan)ซึ่งได้รับการนำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์Paris Motor Showเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   ปอร์เช่ไม่ได้บรรจุรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในสายการผลิตนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018ท้ายที่สุดเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารได้ลงมติตัดสินใจที่จะยุติการทำตลาดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล ในขณะเดียวกันกับที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าผู้ให้ความสนใจในขุมพลังไฮบริดดังที่ปรากฎว่ามากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของปอร์เช่พานาเมร่าใหม่ (The new Porsche Panamera)...
นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ต

‘มิชลิน’ และ ‘มาร์เกซ’ คว้าแชมป์โมโตจีพีครั้งแรกในไทย

มิชลินและทีมปฏิบัติการประจำพื้นที่ของแต่ละทีมแข่งต้องเผชิญกับสภาพสนามแข่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในการแข่งขัน ‘พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์’ (PTT Thailand Grand Prix) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งต้องผจญกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุซึ่งส่งผลต่อสภาพพื้นสนามแข่งอย่างมาก มิชลินได้มีโอกาสเยือนสนามแข่งระยะทาง 4,554 เมตรของไทยแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อทำการทดสอบรถแข่งก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขัน ในเวลานั้นอุณหภูมิสนามแข่งอยู่ที่ 49 องศาเซลเซียส แต่ในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแข่งขันจริง อุณหภูมิกลับพุ่งสูงถึง 56 องศาเซลเซียส โดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเนื่องจากตามปกติช่วงเวลานี้ของปีเป็นช่วงฤดูมรสุมของไทยที่อุณหภูมิมักจะลดต่ำลง  มิชลินได้เลือกประเภทยางสำหรับใช้ในสนามแข่งเอาไว้ก่อนฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นภายใต้แนวความคิดดังกล่าวและตามกฎระเบียบที่กำหนด โดยเชื่อว่าจะเหมาะกับสนามแข่งแห่งนี้ เมื่ออุณหภูมิสนามแข่งสูง ศักยภาพของยางในการยึดเกาะพื้นสนามแข่งจะอยู่ในระดับต่ำมาก ส่งผลให้เกิดอาการล้อหมุนฟรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของมิชลินจึงแนะนำให้บรรดานักบิดเลือกใช้ยาง ‘มิชลิน พาวเวอร์ สลิค’ (MICHELIN Power Slick) แบบเนื้อยางแข็ง (Hard) เป็นยางล้อหลัง ซึ่งนักบิดส่วนใหญ่เลือกใช้ยางรุ่นนี้ตามคำแนะนำ ยกเว้นแต่ ‘อเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่’ (AleixEspargaro) นักบิดทีม ‘อพริเลีย เรซซิ่ง ทีม เกรซินี’ (Aprilia Racing Team Gresini) ที่เลือกใช้ยางเนื้อนิ่ม (Soft)  นอกจากนี้ มีนักบิดจำนวนไม่มากนักที่เลือกใช้ยางเนื้อแข็งปานกลาง (Medium) เป็นยางล้อหน้า ขณะที่นักบิดส่วนใหญ่ที่เหลือเลือกใช้ยางเนื้อแข็ง  ทั้งนี้ ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งมีการแข่งทั้งหมด 26 รอบสนาม มีการเลือกใช้เนื้อยางรวมทั้งสิ้น 4 ประเภทจากทั้งหมด 6 ประเภท ‘มาร์ค มาร์เกซ’ (Marc Marquez) จากทีม ‘เรปโซล ฮอนด้า’ (Repsol Honda Team) ได้ออกตัวจากตำแหน่งหัวแถว หรือ...
นวัตกรรม

ฟอม์ม  ทุ่มพันล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตรถพลังไฟฟ้าขนาดเล็กในไทย

บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นไทยและเป็นผู้ผลิตยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าขนาดเล็ก ประกาศแผนการลงทุนหนึ่งพันล้านบาทสร้างโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทยเพื่อป้อนตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก นายฮิเดโอะ ซูรุมากิ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด  เปิดเผยว่า “บริษัทฯได้เลือก ประเทศไทย ในการตั้งโรงงาน เพื่อเป็นฐานการผลิตยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก ทั้งนี้เพราะประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความพร้อม ในอุตสาหกรรมรถยนต์ มีการสนับสนุนภาคการผลิตรถยนต์มาอย่างยาวนาน ประกอบกับรัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนในการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยมีโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แผนการลงทุนของบริษัทฯ นายซูรุมากิ กล่าวว่ามูลค่าการลงทุนในโรงงาน ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ประมาณหนึ่งพันล้านบาท โดยโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 10,000 คันต่อปี โดยคาดว่ารถคันแรกที่ออกจากสายพานการผลิต จะสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในประมาณต้นปีหน้า “ความจริงแล้ว เราได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดการผลิตรถยนต์ไปจากเดิมมาก เพราะในอดีต ธุรกิจการผลิตรถยนต์จะเริ่มต้นที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นจึงจะขยายไปยังประเทศอื่น แต่เพราะความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาล ที่ให้การส่งเสริมการลงทุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทย ผสมกับความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ในภาคการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ของประเทศไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาเป็นเวลายาวนาน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เราตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยว่าเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชีย” นาย ซูรุมากิ กล่าว บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ได้เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำการสำรวจ และศึกษาแผนการผลิตยานยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย และได้เริ่มการดำเนินการตั้งสายการผลิตจริงขึ้นในประมาณต้นปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา และได้เปิดให้จองจากผู้ที่สนใจในเทคโนโลยี่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยขณะนี้มียอดจองแล้ว 355 คัน บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ก่อตั้งโดยบริษัท ฟอม์ม คอร์ปอเรชั่น แห่งประเทศไทยญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาทในโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการลงทุนจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องอีก 200 ล้านบาทในส่วนของเครือข่ายการขายและบริการ...
1 20 21 22 23 24 25
Page 22 of 25