รถยนต์ต่างประเทศ

ยอดขายปอร์เช่เติบโต ในเยอรมนีและทวีปยุโรป

1.4kviews

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี: Porsche AG สามารถเพิ่มจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้มากขึ้นถึง6เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 196,562 คันภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนแรกของปี 2018ด้วยการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกรายนี้ ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของปอร์เช่ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรป โดยแสดงให้เห็นจากอัตราการเติบโตที่เพิมสูงขึ้นถึง 9 เปอร์เซ็นต์ หรือ 66,551คันเฉพาะในประเทศเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ปอร์เช่มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึงกว่า13เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 24,709 คันในส่วนของประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ ตัวเลขจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง4เปอร์เซ็นต์ หรือ 56,254 คันเมื่อพิจารณาแยกแต่ละรุ่นปอร์เช่พานาเมร่า (Porsche Panamera)คือรุ่นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นสัดส่วนที่เติบโตสูงสุด:หลังสิ้นเดือนกันยายน จำนวนของรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตูที่ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ทางด้านปอร์เช่ 911 (Porsche 911)สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายที่ตัวเลขสองหลักด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 19 เปอร์เซ็นต์สำหรับปอร์เช่รุ่นที่สร้างยอดจำหน่ายได้มากที่สุดยังคงเป็นสปอร์ต SUV มาคันน์ (Macan) จากยอดส่งมอบรวม 68,050 คันและตามมาด้วยคาเยนน์ (Cayenne)ที่ 49,715 คัน

“ในประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป ผลจากความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น คือหัวใจหลักที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรักษาสถานะความเป็นที่สุดแห่งยนตกรรมสปอร์ตที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลก รวมทั้งเป็นที่ต้องการครอบครองของบรรดาผู้หลงใหลความแรงได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเก้าเดือนแรกของปีนี้” ข้างต้นคือคำกล่าวของ  Detlev von Platenสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานขายและการตลาดของปอร์เช่ “นอกจากนี้พวกเรายังรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเช่นเดียวกัน”

 

“ยังคงมีภารกิจสำคัญที่ท้าทายความสามารถอีกมากมาย รอคอยพวกเราอยู่ในไตรมาสที่ 4 แน่นอนว่าเราจะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อให้มั่นใจว่างานดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงไปได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทดสอบWLTP test cycle ทดสอบการทำงานของการกรองน้ำมันเชื้อเพลิงและการยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้” von Platenกล่าวเสริมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับด้านมลภาวะซึ่งเพิ่งถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการในทวีปยุโรปตั้งแต่วันที่1กันยายน2018 ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต โดยปอร์เช่เริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ด้วยรุ่นสปอร์ต 2 ประตูคือ 911และ 718 เป็นอันดับแรกตามมาด้วยมาคันน์ใหม่ (The new Macan)ซึ่งได้รับการนำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์Paris Motor Showเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ปอร์เช่ไม่ได้บรรจุรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในสายการผลิตนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018ท้ายที่สุดเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารได้ลงมติตัดสินใจที่จะยุติการทำตลาดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล ในขณะเดียวกันกับที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าผู้ให้ความสนใจในขุมพลังไฮบริดดังที่ปรากฎว่ามากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของปอร์เช่พานาเมร่าใหม่ (The new Porsche Panamera) ที่ได้รับการส่งมอบในยุโรปเป็นรุ่นขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด

 

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถขององค์กรก็ตามแต่Detlev von Platenในฐานะสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนงานขายคาดการณ์ว่าปอร์เช่จะยังคงมีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมและบรรลุถึงเป้าหมายเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่สูงถึง 246,375 คัน