รถยนต์ต่างประเทศ

รถยนต์ต่างประเทศ

ปอร์เช่สร้างสถิติยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่สูงสุด

ตลอดปี 2018 Porsche AG สามารถดำเนินการส่งมอบรถยนต์ใหม่ถึงมือลูกค้าผู้หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงทั่วทุกมุมโลกได้เป็นจำนวนถึง 256,255 คันนับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่อัตราการเติบโตคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 4เ  % เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติที่ดีเยี่ยมของปีก่อนหน้า ผลสำเร็จในด้านยอดขายเกิดขึ้นจากการตอบรับที่เป็นไปในทิศทางบวกต่อรถสปอร์ตหลากหลายรุ่น  ปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) ทุบสถิติอัตราการเติบโตสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นในสัดส่วนถึง 38 % หรือคิดเป็นตัวเลขยอดส่งมอบกว่า 38,443 คัน สำหรับปอร์เช่ 911 (Porsche 911)ยังคงรักษาอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นด้วยตัวเลขสองหลักเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น  ถึงแม้ว่า 911 เจเนอเรชั่นล่าสุดเพิ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปีก็ตามตัวเลขยอดส่งมอบของยนตรกรรมสปอร์ตเรือธง เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง10 % หรือ 35,573 คัน “ปอร์เช่ 911 (Porsche 911)คือยนตรกรรมที่เต็มไปด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาโดยตลอด” ข้างต้นคือความคิดเห็นจาก Detlev von Platen, สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนงานขายและการตลาดของ Porsche AG “เราเพิ่งผ่านการเฉลิมฉลองการเปิดตัวครั้งแรกของโลก สำหรับปอร์เช่ 911 รุ่นใหม่ (The new Porsche 911)เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภายในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ Los Angeles Autoshow,  แต่ถึงกระนั้นในปี  2018  รถสปอร์ตอันเป็นตำนานของเราคันนี้ ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าผู้หลงใหลความแรงได้มากกว่าปีก่อนหน้า” ในส่วนของปอร์เช่ มาคันน์(Porsche Macan)สามารถรักษาสถิติรถยนต์ปอร์เช่ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดด้วยตัวเลข 86,031 คันและตามติดด้วยความสำเร็จของปอร์เช่คาเยนน์ (Porsche Cayenne)จากยอดส่งมอบ 71,458 คัน ประเทศจีนยังคงรักษาสถานะผู้นำอันดับหนึ่งด้านยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้อีกครั้งในปี 2018 อัตราการเติบโตพุ่งขึ้นสูงถึง12%  หรือคิดเป็นจำนวนรวมที่ 80,108 คัน  อันดับ 2 คือประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3  %หรือ 57,202 คันในส่วนของยอดส่งมอบในยุโรปลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย “เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทดสอบ WLTP test cycleแบบใหม่ รวมทั้งการบังคับใช้ระบบ gasoline...
รถใหม่ต่างประเทศ

ปอร์เช่718 เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ตใหม่ ตัวถังnatural-fibre

ด้วยระยะเวลา 3 ปี หลังการเปิดตัวครั้งแรกของ ปอร์เช่เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Porsche Cayman GT4 Clubsport)  ถึงเวลาแล้วที่ยนตรกรรมผู้รับหน้าที่สืบทอดความแรงลำดับต่อไปจะเผยโฉมที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น: ปอร์เช่ 718 เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Porsche 718 Cayman GT4 Clubsport)อีกหนึ่งความภาคภูมิใจในฐานะตัวแทนของความก้าวหน้า และความสำเร็จอันยอดเยี่ยมจากโรงงานWeissachนับเป็นครั้งแรกที่รถแข่งเครื่องยนต์วางกลาง ซึ่งได้รับการออกแบบพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเทียบเคียงรถสนามพันธุ์แท้ที่สุด โดยเพิ่มทางเลือกถึง 2 รูปแบบของตัวถังภายนอก: เวอร์ชันแรกคือ “Trackday” ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่เพื่อการลงสนามแข่งขันในระดับเริ่มต้น และอีกหนึ่งเวอร์ชั่น “Competition” รองรับการประลองความเร็วบนสนามแข่งขันระดับประเทศและระดับนานาชาติ แนวคิดในการออกแบบพัฒนา ปอร์เช่718 เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ตรุ่นล่าสุด(The new Porsche 718 Cayman GT4 Clubsport) ไม่เพียงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสมรรถนะการขับขี่และศักยภาพในการทำความเร็วต่อรอบสนามให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการเลือกใช้วัสดุในการผลิตที่คงทนถาวร รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปอร์เช่ 718 เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Porsche 718 Cayman GT4 Clubsport)คือรถแข่งจากสายการผลิตคันแรกที่ได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนตัวถังที่ผลิตขึ้นจากวัสดุ natural-fibre ประตูรถฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมทั้งปีกหลังทรงสูงผลิตขึ้นด้วยวัสดุธรรมชาติorganic fibre mixซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดจากผลผลิตต่างๆในภาคgdK9idii, อาทิ เส้นใยจากต้นปอหรือต้นป่าน ซึ่งมีคุณสมบัติหลายประการใกล้เคียงกับวัสดุ carbonfibreทั้งในแง่ของน้ำหนักที่เบาและมี ความแข็งแกร่งสูง ขุมพลังที่ประจำการอยู่ในปอร์เช่718 เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Porsche 178 Cayman GT4 Clubsport)คือเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน ขนาดความจุ 3.8-ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 425แรงม้า (313กิโลวัตต์) หรือมีกำลังเพิ่มขึ้นถึง 40แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับรุ่นก่อนหน้า พลังมหาศาลได้รับการถ่ายทอดต่อไปจนถึงล้อขับเคลื่อนคู่หลัง ผ่านระบบเกียร์อัจฉริยะ 6 จังหวะคลัทช์คู่ รวมทั้งชุดเฟืองท้ายแบบ differential lockชิ้นส่วนสตรัทและสปริงของระบบช่วงล่างด้านหน้าถอดแบบจากตัวแข่งรุ่นพี่ ปอร์เช่ 911...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

จีเอ็มเผย 10 ปรากฎการณ์ยานยนต์ในปี 2562

จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งดูแลแบรนด์เชฟโรเลต โฮลเด้น และคาดิลแลคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ร่วมกับนายริชาร์ด วัตสัน นักอนาคตวิทยา ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ NowAndNext.com และผู้เขียนเรื่องดิจิทัลกับมนุษย์ (Digital Vs. Human) เผย 10 เทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่น่าจับตามองในปี 2562 นายริชาร์ด วัตสัน กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ว่า “ในปี 2562 ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังมองไปยังอนาคตข้างหน้า ในขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ นั้นกลับหวนคิดถึงอดีต” แม้ว่าบางเทรนด์ที่เรากล่าวถึงในวันนี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในปี 2562 แต่เราเชื่อว่าอีกไม่นานคุณจะได้เห็นเทรนด์เหล่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งบางทีอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วการคาดการณ์ของนายริชาร์ดสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ตรงกันกับสิ่งที่จีเอ็ม โกลเบิลกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ในศตวรรษที่ 21 ดังนี้ ยานยนต์ไร้คนขับจะยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่า การพัฒนาการขนส่งแบบไร้คนขับ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถไฟ รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก และบางทีอาจจะพัฒนาไปถึงเครื่องบินในที่สุด ครูซ ออโตเมชั่น (Cruise Automation) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีเอ็ม กำลังเดินหน้าเพื่อจะนำรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AVs) เข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก ทั้งนี้ จีเอ็มนับว่าเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ด้วยการเปิดตัวระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ซูเปอร์ครูซ (Super Cruise semi-autonomous) ในรถคาดิลแลคที่จำหน่ายในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา การเติบโตและการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจหลักของจีเอ็มที่แข็งแกร่งและความต้องการของตลาดโลกที่มีต่อรถกระบะและรถอเนกประสงค์ ทำให้จีเอ็มสามารถลงทุนในเทคโนโลยีสำหรับอนาคตได้อย่างเต็มที่ เมื่อปี 2560 จีเอ็มประกาศแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 20 รุ่นภายในปี 2566 ในขณะเดียวกัน จีเอ็มได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของจีเอ็มควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น นับเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของจีเอ็ม เพื่อโลกที่ปราศจากอุบัติเหตุ มลพิษ และความแออัด การแบ่งขั้วระหว่างรถที่มีขนาดใหญ่/ขนาดเล็ก ราคาแพง/ราคาไม่แพง และรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม/ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายต่างๆ เดินหน้าลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า พวกเขาก็ยังคงผลิตรถกระบะและรถอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นกลุ่มรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค กลุ่มรถยนต์ดังกล่าวกำลังได้รับการพลิกโฉมด้วยความก้าวล้ำของจีเอ็มในด้านพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทางเลือกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ...
รถยนต์ต่างประเทศ

วอลโว่ เฮ !  ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 วอลโว่ คาร์ ประกาศความสำเร็จผลการดำเนินธุรกิจในปี 2018 ที่ผ่านมา ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์สูงกว่า 600,000 คันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 โดยในปี 2018 บริษัทมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกมากถึง 642,253 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2017 ที่สามารถจำหน่ายได้ 571,577 คัน โดยปี 2018 นับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่วอลโว่มียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถิติยอดขายในปี 2018 แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่นใหม่ของวอลโว่ โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นกลุ่มประเภทรถเอสยูวีเจ้าของรางวัลในตลาดภูมิภาคชั้นนำของโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม 2018 วอลโว่สามารถจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกได้มากถึง 60,157 คัน เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างเดือนมกราคม – ธันวาคม 2018 วอลโว่มียอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 98,263 คัน เพิ่มขึ้นถึง 20.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความสำเร็จนี้เกิดจากความต้องการประเภทรถเอสยูวีที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นรุ่น XC60 ที่จำหน่ายได้มากที่สุด ส่วนรุ่น S60 ซึ่งดำเนินการผลิตในสหรัฐฯ ได้เริ่มทำการจัดส่งไปยังบรรดาผู้แทนจำหน่ายแล้ว และคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายของปี 2019 ได้เป็นอย่างมาก เฉพาะเดือนธันวาคม 2018 วอลโว่สามารถจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐฯ ได้ถึง 8,826 คัน ส่วนยอดจำหน่ายในจีนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 130,593 คัน เติบโตขึ้น 14.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการสูงสุดเป็นรถยนต์รุ่นที่ประกอบในประเทศจีนอย่าง XC60 และ S90 ซึ่งเฉพาะในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว สามารถจำหน่ายได้ถึง 11,868 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 17.9% ตลาดยุโรปรายงานผลการประกอบการที่ดีเยี่ยมในปีนี้เช่นกัน โดยตลอดระยะเวลา 12 เดือนจำหน่ายได้กว่า317,838...
นวัตกรรม

ฮาร์ลีย์ฯเผยโฉม“ไลฟ์ไวร์”  มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรก

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติอเมริกันซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 115 ปี จัดแสดงนวัตกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นแรกของแบรนด์ภายใต้ชื่อ “ไลฟ์ไวร์ (LiveWire)” ภายในงานConsumer Electronics Show เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดเผยรายละเอียดฟังก์ชั่นการทำงาน ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีขั้นสูงของตัวรถและราคา โดยเชื่อมั่นว่า ไลฟ์ไวร์จะเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่ผสานประสาทสัมผัสของนักขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง โดยบริษัทกำหนดวันวางจำหน่ายและส่งมอบรถแก่ลูกค้าภายในปีนี้ มอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์แสดงให้เห็นถึงอนาคตของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในการนำเสนอการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ภายใต้ดีไซน์คลาสสิก และการเชื่อมต่อออนไลน์กับผู้ขับขี่ในปัจจุบัน ไลฟ์ไวร์คือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่มอบประสบการณ์การเดินทางแบบสองล้อรูปแบบใหม่ ด้วยอัตราเร่งที่แรงเร้าใจ การควบคุมที่ฉับไวคล่องตัว โดดเด่นด้วยวัสดุและการเคลือบสีระดับพรีเมียมในทุกชิ้นส่วน มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มอัตราและอินเตอร์เฟซเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่ออันไร้ที่ติ ไลฟ์ไวร์มอบประสิทธิภาพการขับขี่ขั้นสูงเพื่อนำเสนอประสบการณ์การเดินทางอันน่ารื่นรมย์สำหรับนักขี่ตัวจริง และในขณะเดียวกันด้วยการออกแบบเป็นมอเตอร์ไซค์แบบไม่มีคลัทช์ จึงทำให้นักขี่มือใหม่สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน การเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นไลฟ์ไวร์นี้ถือเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ปี 2027 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ในการยืนหยัดธุรกิจในสหรัฐอเมริกัน การเร่งอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศ การดึงดูดและสร้างนักขี่รุ่นใหม่ในประเทศต่าง ๆ และการเสริมสร้างให้บริษัทก้าวขึ้นสู่สถานะผู้นำในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าสำหรับยานยนต์สองล้อแห่งอนาคต “เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อบนหน้าประวัติศาสตร์แห่งวิวัฒนาการการเดินทาง และฮาร์ลีย์-เดวิดสันก็อยู่แนวหน้าของเรื่องนี้” นายแมตต์ลาวาทิชประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฮาร์ลีย์-เดวิดสัน™กล่าว “นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันมาโดยตลอด และการเดินทางบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเราครั้งนี้ ก็คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโอกาส ทั้งเพื่อนักขี่มอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันและนักขี่หน้าใหม่ในทุกระดับอายุและทุกวิถีชีวิต” ไลฟ์ไวร์คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของขุมพลัง ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีการขับขี่ ที่เปิดกว้างสำหรับนักขี่มอเตอร์ไซค์หน้าใหม่ และมอบความเร้าใจสุดพลังแก่นักขี่ตัวจริง ด้วยการนำเสนอฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแรงเร้าใจ โดยไลฟ์ไวร์สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.5 วินาที ด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้าH-D Revelation จึงมอบแรงบิดได้เต็ม 100% ในทันทีที่บิดคันเร่งและคงแรงบิดแบบเต็มร้อยได้ทุกเวลาที่ต้องการ   นอกจากนี้ ยังขับขี่ง่ายสไตล์ Twist-and-go: เนื่องจากระบบไฟฟ้าไม่ต้องใช้คลัทช์และการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ไลฟ์ไวร์เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ง่ายต่อการขับขี่สำหรับมือใหม่ มาพร้อมระบบชาร์จอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเบรกเพื่อสร้างพลังงานสำหรับนำกลับมาใช้ใหม่โดยจะประจุไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองใหญ่ที่ต้องหยุดรถและออกตัวบ่อยครั้ง ไลฟ์ไวร์ติดตั้งระบบH-D Connect ซึ่งเชื่อมต่อนักขี่เข้ากับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน่วยควบคุมเทเลแมติกส์บนคลื่นความถี่แอลทีอี (LTE-enabled Telematics Control Unit) พร้อมการเชื่อมต่อและบริการคลาวด์ด้วยแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ด้วยระบบ H-D Connect นี้ ข้อมูลการขับขี่จะถูกเก็บรวบรวมและส่งต่อไปยังแอปพลิเคชั่นเพื่อนำเสนอชุดข้อมูลในสมาร์ทโฟน ซึ่งครอบคลุมข้อมูลด้านต่าง ๆ ได้แก่ ○            สถานะของมอเตอร์ไซค์:ระบบ H-D Connect จะบอกสถานะแบตเตอรี่และระยะทางที่เดินทางไปถึงได้จากที่ตำแหน่งตั้งหากมีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง...
รถยนต์ต่างประเทศ

เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดไลก์ในอินสตาแกรมแล้วถึง 1 พันล้านไลก์

เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นแบรนด์ที่มียอดไลก์สูงที่สุดในอินสตาแกรมจากการสำรวจ “อินเตอร์แบรนด์ เบสท์ โกลบอล แบรนด์ส 2018 (Interbrand Best Global Brands 2018)” โดยบัญชีอินสตาแกรมทางการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกช่องทางมีผู้ติดตามรวมกันกว่า  35 ล้านคนทั่วโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์สร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งสำคัญในอินสตาแกรม จากการสำรวจ “อินเตอร์แบรนด์ เบสท์ โกลบอล แบรนด์ส 2018” ครั้งล่าสุดที่จัดทำโดย ที4 มีเดีย (T4 Media) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลชื่อดัง ซึ่งผลการสำรวจที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ https://t4media.de/onebillionlikes/ เปิดเผยว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นแบรนด์ที่มียอดไลก์ในอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการสูงถึง 1 พันล้านไลก์ และเป็นแบรนด์แรกที่สามารถทำสถิตินี้ได้ในบรรดาแบรนด์ระดับโลกที่ดีที่สุดแห่งปี 2018 (Best Global Brands 2018) ตามการจัดอันดับของอินเตอร์แบรนด์ ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ชั้นนำของสหรัฐฯ ซึ่งในโอกาสพิเศษนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายที่พิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมืองชตุทท์การ์ท เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ในสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตั้งบัญชีอินสตาแกรมทางการขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าบัญชี @mercedesbenz มียอดการกดไลก์โดยเฉลี่ย 27.6 ล้านครั้งต่อเดือน และในปัจจุบันมีผู้ติดตามรวมกันถึง 35.66 ล้านคนทั่วโลก ในโอกาสนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงได้แสดงความขอบคุณต่อลูกค้าและผู้ติดตามที่มีส่วนช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ก้าวไปถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ ด้วยการเปิดเว็บไซต์ http://mb4.me/one-billion-likes ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ โดยในเว็บไซต์ได้จัดแสดงภาพถ่ายจากแฟนๆ ทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการนำเสนอเนื้อหาที่มีความแปลกใหม่ และสนุกสนาน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ติดตาม เช่น ภาพของหญิงชราสุดเท่ที่ขับรถยนต์สมรรถนะสูงของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี การอวยพรที่ไม่เหมือนใครในวันครบรอบของบีเอ็มดับเบิลยูจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมไปถึงภาพถ่ายที่มีสุนัขเป็นองค์ประกอบด้วย ผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในเมืองชตุทท์การ์ท ระหว่างวันที่ 5 - 31 มกราคม 2019 จะมีโอกาสเข้าชมนิทรรศการพิเศษที่รวบรวมโพสต์ที่โดดเด่นที่สุดประมาณ 20 โพสต์จากบัญชีอินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงได้สัมผัสรถยนต์และรถยนต์ต้นแบบ 2 คันที่ผู้ติดตามบัญชีอินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ชื่นชอบมากที่สุด อย่างรถยนต์ต้นแบบรุ่นวิชั่น เมอร์เซเดส-มายบัค 6 คาบริโอเลต์ (Vision...
รถยนต์ต่างประเทศ

มิชลินซื้อกิจการ‘แท็บเล็ต’ เว็บไซต์ห้องพักออนไลน์

มิชลินประกาศการเข้าซื้อกิจการ ‘แท็บเล็ต’(Tablet) เว็บไซต์ให้บริการจองห้องพักออนไลน์ (Online Travel Agency: OTA) แห่งแรกที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรงแรมสไตล์บูติคและโรงแรมสุดหรูเหนือระดับ ซึ่งพร้อมมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครให้กับแขกผู้เข้าพัก ‘แท็บเล็ต’มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 โดย ‘โลรองต์เวอร์เนส’ (Laurent Vernhes) และ‘ไมเคิล เดวิส’ (Michael Davis) เพื่อนำเสนอรายชื่อโรงแรมที่ผ่านการคัดสรรแล้วว่ามีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวให้เป็นทางเลือกสำหรับนักเดินทางหลายล้านคนทั่วโลก ตลอดจนเพื่อให้บริการจองห้องพักออนไลน์  โรงแรมที่มีรายชื่ออยู่บนเว็บไซต์แห่งนี้ล้วนผ่านการตรวจเยี่ยมและประเมินผลอย่างเข้มงวดโดยไม่เปิดเผยตัวตน  ปัจจุบัน ‘แท็บเล็ต’เป็นแหล่งรวบรวมรายชื่อโรงแรมที่โดดเด่นด้วยคุณภาพและเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากถึง 3,500 แห่ง  นอกจากนี้ ยังมอบเอกสิทธิ์พิเศษระหว่างเข้าพักให้แก่สมาชิก ‘แท็บเล็ต พลัส คลับ’ (Tablet Plus Club) อาทิ การเลื่อนระดับห้องพักเป็นห้องระดับซูพีเรีย หรือ อภินันทนาการอาหารเช้า ปาสคาล คูอาน็ง (Pascal Couasnon) ผู้อำนวยการส่วนงานด้านอาหารและการท่องเที่ยวของกลุ่มมิชลินกล่าวว่า “นักท่องเที่ยวและนักชิมยุคปัจจุบันต่างมองหาประสบการณ์ที่บอกเล่าเรื่องราวและช่วยให้พวกเขาค้นพบโลกอีกใบที่สะท้อนความชื่นชอบในวัฒนธรรมท้องถิ่นของพวกเขาได้แท็บเล็ต เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตยุคใหม่ซึ่งมีแนวทางสอดคล้องกับสิ่งที่คู่มือ มิชลิน ไกด์ ยึดมั่นมาโดยตลอด นั่นคือ เราทั้งสองฝ่ายต่างต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้อ่านด้วยการนำเสนอรายชื่อสถานประกอบการซึ่งเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณอันมุ่งมั่นและสะท้อนความทุ่มเทในการรังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยม...ไม่ว่าจะของเชฟและผู้บริหารโรงแรมก็ตาม” ปัจจุบัน  52% ของลูกค้าเว็บไซต์ ‘แท็บเล็ต’เป็นชาวอเมริกาเหนือ  การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ของมิชลินจะส่งผลให้ ‘แท็บเล็ต’ สามารถขยายฐานเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลายมากขึ้นและครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์กว้างขึ้นผ่านการขยายขอบเขตสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่เดิมและนำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ‘โลรองต์เวอร์เนส’ และ ‘ไมเคิล เดวิส’ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ ‘แท็บเล็ต’ กล่าวว่า “มิชลิน และ แท็บเล็ตต่างมีแนวทางที่สอดคล้องกันในเรื่องของการคัดสรรอย่างเป็นกลาง การทุ่มเทและยึดมั่นในเรื่องนี้ส่งผลให้เราต่างครองความเป็นผู้นำในธุรกิจของตน บัดนี้เมื่อเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกันย่อมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ขอบเขตการดำเนินงานของแท็บเล็ต และโครงการ ‘แท็บเล็ต พลัส’  ขณะเดียวกัน การสำรองห้องพักจากการคัดสรรของผู้เชี่ยวชาญและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ แท็บเล็ต นำเสนอ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีบทบาทส่งเสริมส่วนงานด้านการท่องเที่ยวของมิชลินอย่างมาก”...
ออโตโชว์

 ปอร์เช่ 911ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในงาน  Los Angeles Auto Show

ปอร์เช่เผยโฉม911ยนตกรรมสปอร์ตเรือธงระดับตำนานเจเนอเรชั่นที่ 8ณ Petree Hall ในงานมหกรรมยานยนต์ Los Angeles Auto Showสำหรับงานนี้ Oliver Blume ในฐานะCEO ของ Porsche AGได้กล่าวไว้ว่า “แคลิฟอร์เนีย เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการแนะนำตัวปอร์เช่ 911 รุ่นใหม่(The new Porsche 911)ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา พื้นที่แห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของปอร์เช่ก็ว่าได้” นอกจากนี้เขายังเน้นย้ต่อไปว่า “ปอร์เช่ 911 (Porsche 911)เจเนอเรชั่นที่ 8ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังขับขี่ได้สนุกสนานเร้าอารมณ์ยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือรถสปอร์ตที่เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำยุคมากมาย และที่สำคัญเหนือกว่าทุกอย่างที่กล่าวมานั้น ปอร์เช่911(Porsche 911)ยังคงดำรงสถานะที่รถคันนี้เป็นมาโดยตลอดนั่นคือความเป็นสปอร์ตพันธุ์แท้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยศักยภาพในการปลุกเร้าชีพจรของผู้หลงใหลในยนตรกรรมปอร์เช่:นี่คือรถสปอร์ตซึ่งเปรียบได้กับสัญลักษณ์ หรือ icon ของเรา งานออกแบบที่ถ่ายทอดDNA ของปอร์เช่ คือสิ่งที่ได้รับการยึดถือปฏิบัติอย่างเหนียวแน่น ภาพลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร ควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9นิ้ว ปอร์เช่ 911 ใหม่ (The new Porsche 911) คือยานยนต์ที่ท้าทายทุกข้อจำกัดของกาลเวลา เปี่ยมล้นด้วยอัจฉริยภาพแห่งการบังคับควบคุมจากระบบช่วงล่างชั้นเลิศ ผสานการทำงานกับนวัตกรรมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจทุกสถานการณ์รักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของยนตรกรรมสปอร์ตเครื่องยนต์วางหลังสุดคลาสสิค รองรับทุกความต้องการและความสะดวกสบายด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบชาร์จ เจเนอเรชั่นล่าสุดพัฒนาขึ้นใหม่และให้พละกำลังมากกว่ารุ่นเดิมที่450 แรงม้า(331 กิโลวัตต์) สำหรับรุ่นเอส(S)สมรรถนะที่เหนือล้ำยิ่งขึ้น เกิดจากการปรับปรุงกระบวนการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับเปลี่ยนการวางตำแหน่งของระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์และระบบ charge air cooling ใหม่พละกำลังมหาศาลจะถูกส่งต่อไปยังระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ เสริมด้วยนวัตกรรมระบบช่วยเหลือการขับขี่รุ่นล่าสุดมากมาย รวมทั้งโปรแกรมควบคุมการขับขี่ Porsche Wet เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะใช้งานบนเส้นทางเปียกลื่น และระบบเพิ่มทัศนวิสัยยามค่ำคืนหรือ Night Vision Assist พร้อมกล้องตรวจจับวัตถุด้วยอุณหภูมิ thermal imaging camera Detlev von...
นวัตกรรม

มาสด้าส่งรถต้นแบบ VISION COUPE สู่เมืองไทย

มาสด้าตอกย้ำความร้อนแรงจากการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางในการจัดงานสำคัญระดับโลกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยเผยปรัชญาการออกแบบอย่างหมดเปลือก ในแบบที่ไม่เคยมีค่ายรถยนต์ใดทำมาก่อน ที่สำคัญในวันนี้มาสด้าได้นำเอาต้นแบบ VISION COUPE ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป เพื่อให้ชาวไทยได้เห็นถึงเส้นสายอันทรงพลังของการออกแบบที่สง่างาม เพื่อนำไปสู่รถยนต์เจนเนอเรชั่นที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พวกเราทุกคนต่างภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานด้านการออกแบบรถยนต์อันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายสะสมรวมทั้งปีจะทะลุเกิน 1,000,000 คัน นับว่าเติบโตเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ในส่วนของมาสด้าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมนั้น มียอดขายสะสมแล้ว 57,402 คัน เติบโต 43% ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6.9% และประมาณการณ์น่าจะมากกว่า 65,000 คัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จ คือ การตอบรับอย่างดีจากลูกค้า การสร้างแบรนให้แข็งแกร่ง ประกอบกับการดำเนินงานด้านการตลาดที่แตกต่าง ผนวกกับการออกแบบที่โดดเด่น เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการขับขี่ที่สนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้า เราจะไปถึงเป้ายอดขายที่เราตั้งไว้โดยไม่ยาก พร้อมกันนี้มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบ MAZDA VISION COUPE จากประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เพื่อสื่อสารปรัชญาการออกแบบรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยมาสด้าได้เน้นย้ำในเรื่องของการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว หรือ SUSTAINABLE ZOOM–ZOOM 2030 คือยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสนใจในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างไรก็ตาม มาสด้ามองว่าการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้นั้น ต้องคำนึงถึงแหล่งกำเนิดพลังงานที่สะอาดด้วย มาสด้าจึงมีแนวคิดในเรื่องของ Well-to-Wheel เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันมาสด้ายังคงหาทางเลือกที่หลากหลายในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบขับขี่ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีไฮบริด เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสาร และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามีความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ยังพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา...
นวัตกรรม

เบนซ์ อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมพร้อมเข้าสู่งานมหกรรมจัดแสดงรถยนต์                 สุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี ‘มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018’ ส่งตรงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA จากต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุด จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้แก่  CLS 53 4MATIC+ มาเอาใจคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราระดับพรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเต็มพิกัด ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และน้องใหม่ ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S  พร้อมขนทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอีกกว่า 26 คัน    ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561  ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ ภายในบริเวณบูธ เราได้แบ่งโซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม อย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ Power เพื่อแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราได้ขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์   เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจำนวนกว่า 8 รุ่น ครบทั้งตระกูลครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ในรุ่น 45  ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ รถซาลูนรุ่นประกอบในประเทศ...
1 19 20 21 22 23 25
Page 21 of 25