นวัตกรรม

นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศ

มาสด้าประกาศยุทธศาสตร์รถไฟฟ้า

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุทธศาสตร์เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และการเชื่อมโยงการสื่อสารภายในยานยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสุข ความสนุกสนาน และความเร้าใจในการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้โดยสารเกิดความรู้สึกสงบสุขด้านจิตใจ ผ่านทางอารมณ์และความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ในทุกๆ วันของการขับขี่ พร้อมนำเสนอเรื่องราวเพื่อเพิ่มความสนุกผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์ ยุทธศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยี “การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ซูม-ซูม 2573” โดยกำหนดเป็นพันธกิจสำคัญของบริษัทฯ เพื่อปกป้องรักษาความสวยงามของโลกใบนี้ให้คงอยู่ รวมทั้งยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตของปัจเจกบุคคล และแสวงหาวิธีแก้ไขปัญหาในพื้นที่แหล่งที่ผู้คนอาศัยอยู่ในสังคม และโลกของเรา แผนงานของเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าและการเชื่อมโยงด้านยานยนต์ด้านล่างนี้จะเพิ่มคุณสมบัติตามธรรมชาติของรถยนต์มากขึ้น                 เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Electrification มาสด้าตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยจัดการเรื่องขนาดของรถยนต์ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้มีน้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันได้เร่งพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ในอนาคตข้างหน้า บริษัทฯ จะทำการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยมีอัตราการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงจากแหล่งพลังงานที่สะอาด หรือจำกัดประเภทของรถยนต์เพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “well-to-wheel” ในระดับค่าเฉลี่ยขององค์กร ให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553 มาสด้ากำลังจะนำเอาเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพื่อผลิตรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี พ.ศ. 2573 ในปี พ.ศ. 2573 มาสด้าคาดว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ ของยานพาหนะที่ถูกผลิตขึ้นและยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จะมีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ การพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในบริษัทฯ ด้วยการยกระดับข้อดีต่างๆ ของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และได้รับการแนะนำด้วยปรัชญาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ด้วยการพัฒนาอันมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางโดยเน้นในเรื่องของพฤติกรรมและความรู้สึก มาสด้าจะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ 2 รูปแบบ โดยแบบแรกจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และแบบที่สองจะเป็นในรูปแบบของแบตเตอรี่ทำงานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากเครื่องยนต์โรตารีของมาสด้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และเงียบเป็นพิเศษ ระบบช่วยเพิ่มระยะทาง (Range Extender) ด้วยการเติมประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อีกครั้งเมื่อมีความจำเป็นเพื่อที่จะเพิ่มระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดเบื้องหลังของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) นำเอาคุณสมบัติข้อดีของเครื่องยนต์โรตารีที่มีขนาดเล็กแต่ให้พละกำลังแรง เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและเป็นไปได้สำหรับเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า...
นวัตกรรม

มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี รุกตลาดยางรันแฟลต

  ยางมิชลินส่ง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ (MICHELIN Primacy 3 ZP) ลงรุกตลาด “ยางรันแฟลต” (Run-Flat Tyre) …ยางที่วิ่งต่อได้แม้ไม่มีลมยางในกรณีที่ยางรั่วซึมหรือถูกตำทะลุขณะใช้งาน (ระยะทางไม่เกิน 80 กิโลเมตร ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ทำให้สามารถควบคุมรถและขับต่อไปยังสถานที่ปลอดภัยได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเสี่ยงอันตรายจากการจอดเปลี่ยนยางอะไหล่ข้างทาง พร้อมปรับลดราคาให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสอีกระดับของความปลอดภัยจากยางรันแฟลตได้ในราคาคุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ยางในตระกูล ZP (Zero Pressure) ใช้ได้กับรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยางรันแฟลตเท่านั้น เช่น BMW หรือ Mercedes-BENZ เกือบทุกรุ่น จุดเด่นพิเศษของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ คือ ปลอดภัยเป็นเยี่ยมบนทุกสภาพถนนด้วยเนื้อยางสูตรใหม่ที่ช่วยให้มีระยะเบรกสั้นลงกว่ายางตระกูล ZP รุ่นก่อนหน้าทั้งบนถนนเปียกและแห้ง อีกทั้งลวดลายดอกยางแบบใหม่และแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางและดอกยางแบบตัดมุมยังช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสและสมรรถนะการยึดเกาะ จึงเบรกและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ, นุ่มสบายในยามขับขี่มากกว่ายางรันแฟลตทั่วไปด้วยเนื้อยางสูตรใหม่บริเวณแก้มยางและท้องยางให้ความยืดหยุ่นช่วยดูดซับแรงกระแทกและเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งยังใช้ลวดเสริมขอบยางขนาดเล็กลงแต่แข็งแรงเท่าเดิมช่วยให้ยางมีน้ำหนักและความกระด้างลดลง  นอกจากนี้ยังให้ความเงียบขณะขับขี่ไม่ต่างจากยางปกติรุ่นเดียวกันของมิชลินอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 3 แซดพี’ ซึ่งมีวางจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16 ขนาด (ขอบ 16-19 นิ้ว) ได้ที่เครือข่ายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ‘ไทร์พลัส’ และร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,990 บาทต่อเส้น © Photo François Berrué tel : 0609245160  ...
นวัตกรรม

กู๊ดเยียร์ฉลอง 120 ปี แห่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนยุคใหม่

บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ผู้นำในวงการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ก้าวไกลมานับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในพ.ศ. 2441 ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมยาง กู๊ดเยียร์มีความภาคภูมิใจที่ได้ฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์เนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปีของการก่อตั้งบริษัทและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้สร้างสรรค์มา พร้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวไกลกว่าเรื่องยาง เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อน “มีเพียงไม่กี่องค์กรที่สามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นได้ในจังหวะที่สอดคล้องกับวาระสำคัญของมนุษยชาติ ดังเช่นบริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด โดยหลังจากที่ก่อตั้งบริษัทในช่วงต้นของยุคยานยนต์ กู๊ดเยียร์ได้ประสบความสำเร็จถึงขีดสุด ทะยานสู่ฟากฟ้าและเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทก็ได้ยืนระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในด้านนวัตกรรมเสมอมา พร้อมกับมุ่งมั่นนำเสนอ “Freedom To Move” มาสู่ผู้บริโภคและลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการต่างๆ ที่เหนือชั้น” มรนายไรอัน แพทเตอร์สัน ประธานบริษัท กู๊ดเยียร์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “จากความสำเร็จตลอด 120 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้สืบสานเจตนารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น ในการขับเคลื่อนให้เราพัฒนาไปข้างหน้าสู่การคิดค้นริเริ่มสิ่งใหม่เพื่ออีกหลายทศวรรษข้างหน้า” นายแพทเตอร์สัน กล่าวต่อ “เราเฉลิมฉลองให้กับมรดกแห่งนวัตกรรมให้ห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้เติบโตก้าวหน้าเร็วกว่าในอดีต นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์ยานยนต์ขึ้นมา” จากสนามแข่ง จนมาถึงหุ่นสำรวจ Modular Equipment Transporter (MET) ของยานอะพอลโล กับภารกิจสำรวจดวงจันทร์อันโด่งดัง ผลิตภัณฑ์ของกู๊ดเยียร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ตื่นตาตื่นใจของมนุษยชาติมาแล้วหลายเหตุการณ์ และนี่คือตัวอย่างนวัตกรรมสำคัญของกู๊ดเยียร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และก้าวหน้าต่อไปในอนาคต อดีต – กู๊ดเยียร์ผุดนวัตกรรมรายแรก ในพ.ศ. 2382  นายชาร์ลส์ กู๊ดเยียร์ได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนไปตลอดกาล นั่นก็คือกระบวนการคงรูปของยาง (Vulcanization of rubber) บริษัทที่ก่อตั้งตามชื่อของเขาจึงนับว่าเป็นแห่งแรกที่คิดค้นสิ่งใหม่หลายอย่าง ทั้งยางสำหรับรถยนต์เพื่อผู้ขับขี่ทั่วไปของฟอร์ด โมเดล ที (Ford Model T พ.ศ. 2451) ยางอัดลมรุ่นแรกสำหรับอากาศยาน (พ.ศ. 2452) และยางรุ่นแรกเพื่อการสำรวจดวงจันทร์โดยนักบินอวกาศนาซ่า (พ.ศ. 2514) หลังจากที่ได้เปิดตัวยางสำหรับอากาศยานรุ่นแรก...
นวัตกรรมไลฟสไตล์

“กรุงศรี ออโต้” เปิดเทรนด์การตลาดรถยนต์ออนไลน์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในธุรกิจยุค 4.0 การทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้แต่แวดวงธุรกิจซื้อขายรถยนต์ “กรุงศรี ออโต้”ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้มองเห็นเทรนด์ดังกล่าวและจัดกิจกรรมเพื่อแบ่งปันเทคนิคใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ SME และพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จัดสัมมนาเชิงลึกให้กับผู้แทนจำหน่ายรถยนต์กว่า 90 รายจาก7 แบรนด์ชั้นนำในตลาดในหัวข้อ “การตลาดออนไลน์ สไตล์สมาร์ทดีลเลอร์”เพื่อติดอาวุธในการต่อยอดธุรกิจ โดยมีกูรูด้านการตลาดออนไลน์มาร่วมเปิดมุมมองใหม่ๆ พร้อมเวิร์คชอปสุดพิเศษที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฎิบัติจริงและนี่คือ5เทคนิคการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และการสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างสำหรับธุรกิจรถยนต์ ยู้ฮู! ฉันอยู่ที่นี่ ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาสินค้า บริการ ได้จากทุกพื้นที่ทั่วโลกได้เพียงปลายนิ้วคลิกการสร้างการรับรู้ การสร้างตัวตน และแบรนด์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลาในโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือเสิร์ชเอนจินต่างๆ และหลายครั้งลูกค้าอาจตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อสินค้าก่อนที่จะเห็นของจริงด้วยซ้ำ ในกรณีของรถยนต์ ผู้บริโภค 1 คนใช้เวลาหาข้อมูลถึง 6 เดือน และจะค้นหาข้อมูลมากที่สุดราว 2 -3 เดือนก่อนจะตัดสินใจซื้อ ดังนั้น วิธีเดียวที่จะเอาชนะใจลูกค้าได้ก็คือ การผลักดันผลิตภัณฑ์หรือชื่อของโชว์รูมให้ไปปรากฏในสายตาลูกค้าให้ได้นั่นเอง จัดหน้าบ้านให้เป็นระเบียบเสมอ เว็บไซต์ถือเป็นบ้านอันมั่นคงของธุรกิจ เพราะหากวันหนึ่งโซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องปิดตัวลง อย่างน้อยก็ยังเหลือหน้าบ้านไว้คอยบอกกับลูกค้าว่าเราคือใคร เว็บไซต์ที่ดีจึงต้องมีการแบ่งหมวดหมู่ชัดเจน คลิกหาอะไรก็เจอ สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด และที่สำคัญต้องมีการอัพเดตข่าวสารเป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว สำหรับธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ เว็บไซต์ควรมีข้อมูลที่ครอบคลุมตั้งแต่รายละเอียดสินค้า สถานที่ตั้ง ไปจนถึงรายชื่อพนักงาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่ให้ลูกค้าติดต่อด้วยนั้นเป็นพนักงานของบริษัทจริงหรือไม่อีกด้วย เล่นกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ครบทุกด้าน ฐานข้อมูลและความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถออกแคมเปญหรือรูปแบบบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ แต่นอกเหนือไปจากการกระตุ้นยอดขายแล้วการตลาดออนไลน์ยังสามารถมีบทบาทในการสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับกลุ่มลูกค้าได้เช่นกัน ในปัจจุบัน ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์หลายรายได้หันมาสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรายการบนช่องยูทูบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถแต่ละรุ่น หรือการทำกิจกรรมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิง เช่น โปรโมชั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี พร้อมอบรมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับรถสนุกๆ ถ่ายแบบนี้สิดีแน่ เหนือไปกว่าเนื้อหาและโปรโมชั่น การใช้ภาพที่ดึงดูดใจเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในโลกออนไลน์ ในธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ เรามักเห็นการถ่ายภาพการส่งมอบรถโดยมีลูกค้าเรียงหน้ากระดานรับกุญแจแบบเดิมๆ ดังนั้น หากตัวแทนจำหน่ายฯ สร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ และหาจุดเด่นให้กับภาพที่ต่างออกไปรวมถึงเฟ้นหาอิริยาบถที่ลูกค้ามั่นใจ ก็จะช่วยสร้างการจดจำได้เป็นอย่างดี นั่งในใจผู้บริโภคด้วยบริการที่รวดเร็ว แพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้สะดวกยิ่งขึ้นก็จริง แต่นั่นย่อมหมายถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าพวกเขาต้องได้รับบริการที่รวดเร็วกว่าเดิมไปด้วย โดยเฉพาะในธุรกิจรถยนต์ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปดูข้อมูลรถ เปรียบเทียบแคมเปญได้จากทุกดีลเลอร์และโชว์รูม แบรนด์ที่ไม่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าอย่างฉับไวอาจต้องแพ้ศึกไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้เลยก็เป็นได้ กิจกรรม “การตลาดออนไลน์ สไตล์สมาร์ทดีลเลอร์”จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศรถใหม่ต่างประเทศ

เบนซ์อวดโฉมรถเอสยูวีพลังไฟฟ้าใหม่ในชื่อ EQC

ค่ายรถหรูอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ฤกษ์อวดโฉมรถยนต์พลังไฟฟ้าที่พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในรูปลักษณ์เอสยูวีสุดหรูในชื่อ EQC มิติตัวถัง EQC  ยาว 4,761 มม. กว้าง 1,884 มม. สูง 1,624 มม. และระยะฐานล้อ 2,873 มม. ขณะที่รูปทรงเป็นแบบ 5 ประตู ด้านท้ายมีแนวหลังคาที่ลาดเทต่ำในสไตล์สปอร์ต โครงรถโดยรวมมีพื้นฐานจากรุ่น GLC เส้นสายบนตัวถังด้านท้ายตรงแนวของขอบกระจกตรงเสาหลัง ส่วนรายละเอียดของรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อให้ดูล้ำสมัย และเฉียบคมสไตล์สปอร์ต ภายในของ EQC  รถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับการออกแบบให้ดูสะอาดตาและล้ำหน้า โดยใช้จอไวด์สกรีนความละเอียดสูงในการแสดงข้อมูล พร้อมกับระบบ Infitainment ใหม่ MBUX ซึ่งใช้ AI ในการเรียนรู้การใช้งานต่างๆ ของผู้ขับ และระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง  เมอร์เซเดส เบนซ์  เปิดตัว EQC  400 ซึ่งขุมพลังในการขับเคลื่อนคือมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่เพลาล้อคู่หน้าและเพลาล้อคู่หลัง ที่มีพละกำลัง 408 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 77.9 กก.-ม. ภายใต้การขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อ  4 Matic โดยที่มอเตอร์ทั้ง 2 ตัวจะรับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนที่มีความจุ 80 กิโลวัตต์ และถูกติดตั้งไว้ที่พื้นรถระหว่างล้อหน้า-หลัง ซึ่งจากการออกแบบระบบให้มีการทำงานอย่างชาญฉลาด แบะบริหารการใช้กระแสไฟฟ้าในตัวรถได้อย่างลงตัว ซึ่งผลการทดสอบของยุโรป NEDC ระบุว่า สามารถทำระยะทางได้ถึง 450 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. ส่วนรูปแบบการขับขี่ก็มีให้เลือกถึง 5 แบบ คือ Comfort,...
นวัตกรรมรถยนต์ในประเทศไลฟสไตล์

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือ 3 เครือโรงแรมใหญ่ขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ EQ - Electric Intelligence by Mercedes-Benz ลุยยกระดับการให้บริการด้านรถยนต์ไฟฟ้า เต็มสูบ ดำเนินการขยายเครือข่ายจุดติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเฟสแรก กว่า 63 จุดทั่วประเทศ ใน 3 เครือโรงแรมชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ Marriott  Minor Hotels และ Hilton มุ่งให้บริการตั้งแต่รถลิมูซีนไปจนถึงลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่โรงแรม พร้อมเดินหน้าเตรียมเพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายแห่งในอนาคต นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “เมอร์เซเดส-เบนซ์ดำเนินงานภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ผ่านการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่เราให้ความสำคัญ คือ แบรนด์เทคโนโลยี ‘EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz’ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว และการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปูทางไปสู่การขับขี่แบบปลอดการปล่อยไอเสีย โดยภายในปี 2565 บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนจะผสานระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างทั่วถึง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์จากแบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทฯ กำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50 รุ่นย่อยอีกด้วย “สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น และเล็งเห็นข้อดีของการเลือกใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย 3 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตได้เร็ว คือ นโยบายการสนับสนุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ ทั้งในด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต หรือนโยบายส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ของค่ายรถต่างๆ ที่เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค รวมถึงการมีสายการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน และสุดท้ายคือการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกท่านว่าจะได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด” นายไมเคิล เกรเว่ กล่าวต่อไปว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐเสมอมา เราจึงพร้อมตอบรับต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่การพัฒนายานยนต์แห่งอนาคตและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่ใช้พลังงานไฟฟ้าผ่านการลงทุนเปิดสายการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทุกรุ่นและการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศไทย พร้อมนำความรู้ความเชี่ยวชาญจากบริษัทแม่มาพัฒนาบุคลากรชาวไทยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า...
นวัตกรรมรถใหม่ต่างประเทศไลฟสไตล์

ฟอร์ดพรีเซลล์ สปอร์ต มัสแตง เคาะเริ่มที่ 3.599 ล้านบาท

ฟอร์ดสยบข่าวลือประกอบในไทย  นำเข้าฟอร์ด มัสแตง จากอเมริกาเจาะตลาดไทยในเดือนตุลาคม  เคาะราคาเริ่มต้นที่ 3.599 ล้านบาท เปิดให้ลูกค้าสั่งจองรถล่วงหน้าได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ด มัสแตง อย่างเป็นทางการ 19 แห่งทั่วประเทศ ด้วยดีไซน์ที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวกว่าที่เคย รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full-LED ฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตรและเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างโหมดแอพพลิเคชัน Track AppsTM ที่ให้ผู้ขับขี่เปิดประสบการณ์การขับขี่แบบในสนามแข่ง พร้อมเทคโนโลยีเหนือระดับอย่างระบบ SYNC 3 บนแผงหน้าปัดแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว ฟอร์ด มัสแตง รุ่น GT และ EcoBoost มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip ให้การขับขี่ในโค้งสนุกสนานขึ้น และล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้วในทั้งสองรุ่น รวมถึงระบบเบรค Brembo ในรุ่น GT และฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย ที่เข้ากับเอกลักษณ์ในการขับขี่ที่สนุกสนาน และยังคงตำนานอันโดดเด่นกว่า 50 ปี ในแบบฉบับของฟอร์ด มัสแตง ได้เป็นอย่างดี ฟอร์ด มัสแตง มีจำหน่าย สองรุ่น ราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัว  ฟอร์ด มัสแตง 5.0 L V8 GT Coupe Performance Pack  ราคา 4.799 ล้านบาท   ส่วน ฟอร์ด มัสแตง 2.3 L...
คมนาคมนวัตกรรมไลฟสไตล์

กฟน.จับมือนิสสันติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านลูกค้า

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัย  เตรียมความพร้อมสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้ ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ ข้อตกลงดังกล่าวเน้นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนนเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง  กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปีกฟน. ในปีนี้กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตเนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัดโดยกฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายรายซึ่งการลงนามกับนิสสันมอเตอร์ประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยกฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสันและเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัทนิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  เช่นตัวแทนจำหน่ายส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการเป็นต้นซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคันภายในปีพ.ศ. 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ นอกจากนี้กฟน. ยังได้มีการจัดทำ“MEA EV Application” ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนสมาร์ทโฟน เวอร์ชันล่าสุด 2.0 รองรับการใช้งานทั้งระบบIOS และAndroid สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จพร้อมควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบรีโมทด้วยแอปพลิเคชันทันที การแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จการคำนวณอัตราการประหยัดพลังงานรวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆที่จะจัดทำเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในอนาคต นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย  กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก "รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา...
นวัตกรรมรถยนต์ต่างประเทศ

จีเอ็ม โฮลเด้น เพิ่ม 500 วิศวกรในออสเตรเลีย

จีเอ็มโฮลเด้นเพิ่มจำนวนพนักงานด้านการออกแบบและวิศวกรรมมากกว่า 500 ตำแหน่ง เพื่อขยายความสามารถในการพัฒนายานยนต์ขั้นสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จีเอ็ม โฮลเด้น ประกาศว่า ทีมวิศวกรชาวออสเตรเลียใหม่ล่าสุดนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ และระบบส่งกำลังไฟฟ้า (Electric powertrains) ในอนาคต โดยวิศวกรใหม่ จะทำงานร่วมกับทีมวิศวกรและนักออกแบบของจีเอ็ม โฮลเด้น ที่มีอยู่ก่อนแล้ว  ทีมวิศวกรชาวออสเตรเลียร่วมงานกับทีมพัฒนายานยนต์ขั้นสูงระดับโลกของจีเอ็ม ซึ่งรวมถึงการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ และรถพลังงานไฟฟ้าค่าใช้จ่ายประจำปีในการวิจัยและออกแบบมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 3,960 ล้านบาท)การเพิ่มวิศวกรของจีเอ็ม โฮลเด้น เป็นการเสริมกำลังให้กับศูนย์ Technical Center ของจีเอ็ม ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างประเทศอินเดีย ประเทศไทย และประเทศเกาหลี การประกาศดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับงานวิศวกรรมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงศูนย์ Technical Center ต่างๆ ของจีเอ็มในประเทศอินเดีย ประเทศเกาหลี และประเทศไทย การขยายงานด้านวิศวกรรมของจีเอ็ม โฮลเด้น เกิดขึ้นหลังการประกาศเรื่องจีเอ็ม เกาหลีใต้ได้รับรางวัลระดับโลกในด้านการออกแบบ วิศวกรรม และการพัฒนารถอเนกประสงค์ระดับโลกรุ่นใหม่ แรงงานด้านวิศวกรรมของจีเอ็ม เกาหลีใต้ จะมีมากกว่า 3,000 คน ในเร็วๆ นี้ โดยเป็นวิศวกรใหม่ที่รับเพิ่มจำนวน 100 คน ศูนย์ Technical Center ของจีเอ็มในประเทศอินเดีย เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในฝ่ายวิศวกรรมเครื่องยนต์ระดับโลกของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ศูนย์ดังกล่าวประกอบด้วยสตูดิโอการออกแบบและศูนย์วิศวกรรม ซึ่งมีจำนวนพนักงานมากกว่า 2,500 คน โดยเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค และนักออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญสูง ในประเทศไทย จีเอ็มมีวิศวกรจำนวน 150 คน ปฏิบัติงานอยู่ในหลายแผนก ได้แก่ ฝ่ายการผลิต ความปลอดภัย คุณภาพ และวิศวกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะเยี่ยมชมสนามทดสอบรถแลง แลง (Lang Lang) ซึ่งใช้เป็นสนามทดสอบรถยนต์โฮลเด้น และรถยนต์ของจีเอ็มทั่วโลกมานานกว่า 60 ปี นายมาร์ก...
นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตรถยนต์ต่างประเทศ

”ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต” พร้อมลุย

ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต (Porsche Cayman) GT4 Clubsportรถแข่งต้นแบบสำหรับทางวิบากพร้อมลงสนามทดสอบในรายการGerman WRC ปอร์เช่พัฒนารถสปอร์ตสายพันธุ์ล่าสุดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงสนามทดสอบในรายการแรลลี่สุดทรหด ADAC Rallye Deutschland ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา: รถต้นแบบคันพิเศษมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ปอร์เช่ เคย์แมนจีที4 คลับสปอร์ต(Porsche Cayman GT4 Clubsport)พร้อมแล้วสำหรับการตะลุยเส้นทางทุรกันดาร โดยปอร์เช่ต้องการใช้รถต้นแบบคันนี้เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์รถแข่งระดับ FIA R-GT ซึ่งมีพื้นฐานใกล้เคียงกับรถสปอร์ตทางเรียบรุ่น GT จากสายการผลิตปกติมากที่สุด รถแข่งต้นแบบคันนี้จะถูกทดสอบภายใต้สภาวะของการแข่งขันจริงทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาและสามารถพัฒนาต่อเนื่องจนกระทั่งกลายเป็นรถแข่งแรลลี่สำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้รักการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตสไตล์วิบากในลำดับต่อไป นักแข่งรถยนต์สังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ ผู้รับบทบาทหน้าที่ในการขับรถทดสอบ คือ Romain Dumas (ชาวฝรั่งเศส)หนึ่งในนักแข่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีทักษะการขับขี่ยอดเยี่ยมและครบเครื่องที่สุดในโลกของกีฬาความเร็วระดับสากล ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีในชีวิตนักแข่งเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศรายการ Le Mansเขาลงแข่งขันแรลลี่มาแล้วทั่วทุกมุมโลกด้วยทีมแข่งของตนเอง นอกจากนี้ Dumas ยังเคยได้รับชัยชนะในรายการแข่งรถขับขึ้นเขาระดับตำนาน Pikes Peak ถึง 4 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติเวลาเร็วที่สุดอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น Richard Lietz(ชาวออสเตรีย) และ Timo Bernhard (ชาวเยอรมัน)ซึ่งเป็นนักแข่งสังกัดโรงงานปอร์เช่และมีประสบการณ์ในการแข่งขันแรลลี่มาแล้วทั้งคู่ ยังได้ร่วมเป็นนักขับในโครงการพัฒนารถแข่งต้นแบบ เคย์แมน จีที4 คลับสปอร์ต(Cayman GT4 Clubsport)เช่นเดียวกัน ปอร์เช่ เคย์แมนจีที4 คลับสปอร์ต(Porsche Cayman GT4 Clubsport)ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลงสนามแข่งขันในรายการระดับclubsportหลากหลายรายการทั่วโลก นับตั้งแต่ฤดูกาล2016 เป็นต้นมา รถคันนี้ได้รับการติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอนวางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ขนาดความจุ 3.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 385 แรงม้า (283 กิโลวัตต์)พร้อมถ่ายทอดพละกำลังขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่PDKควบคุมการเปลี่ยนจังหวะได้ตามต้องการด้วย shift paddles บนพวงมาลัย สำหรับการแข่งขันแรลลี่ทางวิบาก รถคันนี้ได้รับการติดตั้งแผ่นโลหะปิดใต้ท้อง เพิ่มเติม...
1 9 10 11 12 13
Page 11 of 13