รถยนต์ต่างประเทศ

ลูกค้าแห่ถล่มโชว์รูมเชฟโรเลตหลังลดกระหน่ำราคาถึง 5 แสนบาท

1.3kviews

(ขอบคุณภาพจากztvthailand.com)

หลังจากที่เชฟโรเลต เซลส์(ประเทศไทย) ประกาศยุติการจัดจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตในประเทศไทย เมื่อ 18  กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความแตกตื่นในกลุ่มตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตทั่งประเทศเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตัดสินใจเร่งระบายสต็อคที่มีอยู่ด้วยการหั่นราคารถใหม่ป้ายแดงอย่างถล่มทลาย สูงสุดลดถึง 500,000 บาท โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง เชฟโรเลต แคปติว่า จนทำให้โชว์รูมทุกแห่งเนื่องแน่นด้วยลูกค้าที่แห่เข้ามาจับจองรถราคาพิเศษล็อตสุดท้าย  จนหมดสค็อคไปอย่างรวดเร็วมาก

สำหรับรถเชฟโรเลตราคาพิเศษ  ประกอบด้วย

New Captiva LS Turbo แบบ    5 ที่นั่ง ราคา 999,000 บาท ลดเหลือ 499,000 บาท

New Captiva LS Turbo   แบบ 7 ที่นั่ง  ราคา 1,029,000  บาท ลดเหลือ 529,000 บาท

New Captiva LT Turbo  ราคา 1,099,000 บาท ลดเหลือ 529,000 บาท

New Captiva PM Turbo  ราคา 1,099,000  บาท ลดเหลือ 599,000 บาท

Trailblazer 2WD 2.5 LT  ราคา 1,144,000  บาท ลดเหลือ 895,000 บาท

Colorado Trailboss MT  ราคา 859,000  บาท ลดเหลือ 775,000 บาท

Colorado Trailboss MT  ราคา 859,000  บาท ลดเหลือ 775,000 บาท

Colorado HighCountry 2WD  ราคา 998,000  บาท ลดเหลือ 775,000 บาท

เซลส์ขายรถเชฟโรเลตรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ลูกค้าที่ซื้อรถล็อตนี้ไปแล้ว ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องอะไหล่หรือบริการหลังการขาย เพราะโชว์รูมทุกแห่งยังคงเปิดให้บริการเป็นปกติเช่นเดิม  และเมื่อ บริษัท เกรท วอล มอเตอร์ส จำกัด เข้ามาซื้อกิจการและโรงงานเชฟโรเลตในไทยจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เสร็จภายในสิ้นปี 2563 ดีลเลอร์ของเชฟโรเลตก็จะเปลี่ยนมาเป็นดีลเลอร์จัดจำหน่ายรถยนต์เกรท วอล แทน ซึ่งก็ยังให้บริการรถยนต์เชฟโรเลตได้เช่นเดิม  นอกจากนี้ ระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก ลูกค้าสามารถสั่งซื้ออะไหล่พิเศษของรถรุ่นนี้ต่างๆได้อย่างง่ายดายผ่ายระบบออนไลน์ อย่างอเมซอน อาลีบาบา

อย่างไรด็ตาม ยังมีความเป็นห่วงเรื่องของราคาของรถเชฟโรเลต มือสองว่า จะรูดลงไปมาหน้อยแค่ไหน  อีกทั้งมีข้อสงสัยว่า ลูกค้าที่เพิ่งรับส่งมอบรถใหม่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จะได้รับเยียวยาอย่างไรบ้างกับมูลค่ารถที่หายไปทันทีถึงครึ่งหนึ่ง

การเลิกกิจการของค่ายรถยนต์ชฟโรเลต ส่งผลให้ลูกค้าชาวไทยตั้งคำถามถึงสถานภาพของค่ายรถยนต์สัญชาติอเมริกันอีกรายอย่าง ฟอร์ด มอเตอร์  ว่าจะมีการเลิกกิจการด้วยหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ฟอร์ดประเทศไทย  ถูกลูกค้ารวมตัวกันฟ้องเรื่องปัญหาคุณภาพของรถยนต์นั่ง  จนทำให้ฟอร์ดต้องหยุดการขายรถยนต์นั่งไปโดยปริยาย

ล่าสุด ฟอร์ด ประเทศไทยมีคําชี้แจงออกมาว่า   เราทุกคนที่ ฟอร์ด ประเทศไทย รู้สึกเสียใจที่ได้ทราบข่าวว่าจีเอ็มจะยุติการผลิตและจําหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย  เชฟโรเลตนับเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าจํานวนมากในประเทศไทย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยมาอย่างยาวนาน ในฐานะเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม เราขอขอบคุณจีเอ็มที่ผลักดันให้เราตื่นตัวและตั้งเป้ าหมายให้สูงขึ้นเสมอ ทุกคนจะอยู่ในความทรงจําของเรา

สําหรับฟอร์ด  เรายังคงเดินหน้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุด เราได้ประกาศการลงทุนเพิ่มเติมอีก82 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2,400 ล้านบาท)   เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการผลิตของโรงงาน ฟอร์ดทางตอนเหนือของเวียดนาม ให้ผลิตรถได้ถึง 40,000 คัน จากศักยภาพในการผลิต ณ ปัจจุบันที่ 14,000 คัน

นอกจากนี้ ฟอร์ดยังยึดมั่นต่อการดําเนินธุรกิจที่ประสบความสําเร็จในประเทศไทย ด้วยจํานวนพนักงานกว่า8,300 คน ทั้งพนักงานในสํานักงาน และที่โรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งฟอร์ดเป็นเจ้าของทั้งหมด รวมถึงโรงงานร่วมทุน ออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ซึ่งผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน ฟอร์ด นับเป็นหนึ่งในบริษัทยานยนต์ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนสะสมรวมกว่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ.2562 ฟอร์ดมียอดขายรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ ในประเทศไทยถึง 43,375 คัน ครองตําแหน่งรถกระบะที่ขายดีเป็นอันดับ 3 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นต่อเนื่องเป็ นปี ที่ 4 ในตลาดรถกระบะไทยที่มีการแข่งขันสูง ขณะที่ยอดขายรวมของฟอร์ด ประเทศไทย ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2562 อยู่ที่ 50,006 คัน”