
แม้ว่า ประเทศไทยจะมีความพยายามผลักดันการใช้รถยนต์พลังไฟฟ้า 100 % แต่ในในทางปฎิบัติกลับทำได้ยาก เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของคนไทยที่นิยมใช้สำหรับเดินทางไกลๆ ขณะที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์พลังไฟฟ้า มีความจุไฟสำหรับเดินทางประมาณแค่ 300 กม. และการประขุไฟฟ้าต้องใช้เวลานานข้ามวันข้ามคืน ถึงขนาดพูดเล่นกันว่า หากขับรถพลังไฟฟ้าเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ คงต้องจอดรถนอนระหว่างทาง เพื่อชาร์จไฟสัก 2-3 คืน ดังนั้นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ คือการใช้รถยนต์ไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งให้ความสะดวกบายใยการใช้งานมากกว่า
ทีมงาน buzzbiz24.com มีโอกาสไปทดสอบรถยนต์ MERCEDES-BENZ E 350 e ซีเคดี บนเส้นทางเชียงใหม่ -กรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นที่โรงแรมเมอร์ริเดียน ย่านไนท์บาซาร์ โรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีจุดชาร์จไฟฟ้าที่ลานจอดรถใต้อาคาร ซึ่งเหมาะสมมาก สำหรับการใช้ MERCEDES-BENZ E 350 e โดยการขับขี่ภายในเมืองที่การจราจรติดขัด ต้องถอนคันเร่งเปลี่ยนมาเหยียบเบรกชะลอความเร็วบ่อยครั้ง ซึ่งเท่ากับเป็นการเปลี่ยนพลังงานจลน์เป็นพลังไฟฟ้าชาร์จไปเก็บที่แบตเตอรี่ เมื่อกลับมาที่โรงแรม ก็เสียบปลั้กชาร์จไฟทิ้งไว้ทั้งคืน เพื่อเก็บพลังงานสำรองสำหรับวันรุ่งขึ้น
เช้าวันต่อมา MERCEDES-BENZ E 350 e ซีเคดี เทคโนโลยี EQ จอดเรียงรายที่ลานจอดรถสำหรับการเดินทางไกล โดยมีให้เลือก 3 แบบคือ Mercedes-Benz E 350 e Avantgardeราคา 3,540,000บาท Mercedes-Benz E 350 e Exclusive ราคา 3,790,000บาท และMercedes-Benz E 350 e AMG Dynamic ราคา 4,190,000บาท
Mercedes-Benz E 350 e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที ขณะเดียวกัน ยังได้รับกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 88 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 440นิวตันเมตรทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9จังหวะ(9G-TRONIC PLUS)พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย .ระหว่างการเดินทางมีรถในขบวนหลายคัน เข้าสถานีบริการน้ำมันเพื่อเติมเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทาง ใช้เวลาต่อคันไม่ถิงนาที ซึ่งหากเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆคงวิ่งได้ระยะทางแค่ครึ่งเดียวและต้องเวลาเติมไฟฟ้าข้ามวันข้ามคืน
MERCEDES-BENZ E 350 e ซีเคดี เทคโนโลยี EQ มีให้เลือกทั้ง Avantgarde ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performanceในขณะที่Mercedes-Benz E 350 e Exclusiveและ Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED,ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System),ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย(ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light),ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ(Adaptive Highbeam Assist Plus) ให้ทัศนวิสัยอย่างชัดเจนในเวลาครี้มฟ้าครี้มฝน
โดย Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicจะเพิ่มเติมความพิเศษด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMGแบบ5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG,ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
ดีไซน์ภายในเบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ ซึ่งรุ่น Mercedes-Benz E 350 e AvantgardeและMercedes-Benz E 350 e Exclusiveภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICOพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง nappaในขณะที่รุ่น Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicจะมาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa,พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa,
นอกจากนี้ สำหรับรุ่น Mercedes-Benz E 350 e ExclusiveและMercedes-Benz E 350 e AMG Dynamic จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit เพิ่มความพิเศษสำหรับรถยนต์รุ่นMercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicจะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)
ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้นMercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicจะมาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester นอกจากนี้ ทั้ง 3รุ่นยังมาพร้อมกับระบบ COMAND Onlineพร้อม Controller, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วยTouchpad,ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC)เฉพาะภาษาอังกฤษ, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™)และ Android (Android Auto)รวมถึงการติดตั้งระบบแผนที่นำทาง พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี อีกด้วย
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive”เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging for mobile phone)โดยMercedes-Benz E 350 e Avantgardeจะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ในขณะที่ Mercedes-BenzE 350 e Exclusiveและ Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamicจะมาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทางรวมถึงระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Distance Pilot DISTRONIC)และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) ที่ติดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในรถยนต์รุ่นนี้อีกด้วย
ในที่สุดทีมสื่อมวลชนก็สามารถ พา MERCEDES-BENZ E 350 e ซีเคดี เทคโนโลยี EQ กลับมาถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพและทำเวลาได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ความสะดวกสบายในการใช้งานของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ก็ยิ่งสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ขับขี่ไม่ใช่น้อย









