รถยนต์ในประเทศ

เบนซ์ ครองแชมป์รถหรู 18 ปี  โกยกว่า 1.57 หมื่นคัน ต้นปีลุยเปิดตัว 2 รถใหม่

????????????????????????????????????
1.6kviews
นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2561 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ด้วยการครองตำแหน่งแบรนด์รถหรูระดับพรีเมี่ยมที่มียอดขายมากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน จากยอดจำหน่ายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,310,185 คัน และยังเป็นสถิติการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนานถึงแปดปี โดยมีรถยนต์ตระกูลเอสยูวีเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จจากยอดขาย 820,721 คัน นอกจากนี้รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังสร้างยอดจำหน่ายสูงถึงหกหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รวมถึงจัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเพิ่มเติมรถยนต์ตระกูล 53 อีกทั้งรถยนต์ในกลุ่มคอมแพคคาร์ที่ได้ถูกจำหน่ายออกไปในจำนวนมากกว่า 609,000 คัน”

“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมารถยนต์จำนวน 943,473 คันได้ถูกส่งมอบให้กับลูกค้า โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.8% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำลายสถิติด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 15,785 คัน เติบโตขึ้น 9% ซึ่งนับเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูไว้ได้เป็นปีที่ 18 ติดต่อกัน”

“สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 นี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านรถยนต์รุ่นต่างๆ ให้กับผู้บริโภคภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และอีคิว อย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น พร้อมเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการวางแผนสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่ การให้บริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการเดินสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ด้านบริการลูกค้า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการไว้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้จำหน่ายจังหวัดละหนึ่งแห่งเท่านั้น และในปีนี้เตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีกสี่แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 36 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้” นายโรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม

นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด  กล่าวว่า “ปัจจัยแห่งความสำเร็จดังกล่าว มาจากการวางกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์รวม 16 รุ่น ซึ่งแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าแบบก้าวกระโดดถึง 309% ซึ่งเป็นผลมาจากการรุกทำการตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การแนะนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทั้งรุ่นนำเข้า และรุ่นประกอบในประเทศรวมจำนวน ห้ารุ่น การจัดกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience” ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อให้สื่อมวลชน และลูกค้าได้สัมผัสสมรรถนะรถยนต์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเปิดตัวผู้จำหน่ายอย่าง เป็นทางการ 12 แห่งทั่วประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านบริการ หลังการขายให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว โดยในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเอเอ็มจีอย่างต่อเนื่อง ประเดิมด้วยสองรุ่นใหม่ในตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 5.35  ล้านบาท และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า  ราคา  6.99 ล้านบาทที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EQ Boost เพื่อเพิ่มพลังให้กับรถยนต์มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัว “AMG Brand Center” แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะเป็นศูนย์ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่มีความทันสมัย และครบวงจรมากที่สุด และมีเพียง 11 แห่งจากทั่วโลก”

“ในด้านความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้สูงขึ้น มีการจับมือกับสามเครือโรงแรมชั้นนำขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทำให้ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 200 แห่ง อีกทั้งจัดงาน “Mercedes-Benz EQ Tech Day” เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงทิศทางยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตภายใต้แบรนด์อีคิว และยังได้นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบอีคิวเอ (EQA) เข้ามาจัดแสดงให้สื่อมวลชน และผู้บริโภคได้ชมกันอย่างใกล้ชิด โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์อีคิวตลอดทั้งปีทั้ง EQ Power  รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด EQ Power+ ที่เป็นส่วนหนึ่งในรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และกลุ่มรถยนต์แต่ง และ EQ สำหรับรถยนต์ Battery Electric Vehicles หรือ BEV พร้อมวางแผนขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 80 แห่ง โดยจะเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการ”

“ในด้านกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ ในปี 2562 บริษัทฯ ได้สานต่อกลยุทธ์ Best Customer Experience เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ผ่านการทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์ภายใต้โกลบอลแพลทฟอร์ม “ชีส์ เมอร์เซเดส” (She’s Mercedes) อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกทั้งมีการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามกว่า 812,285 คน และ 121,214 คนตามลำดับ” มร.ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติม

นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้า  กล่าวว่า  “ในปี 2562 บริษัทฯ วางแผนที่จะยกระดับการให้บริการในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งบริการด้านการบำรุงรักษา และการขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัว ‘คลังอะไหล่แห่งใหม่’ (Parts Distribution Center) บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคลังอะไหล่แห่งนี้จะมีระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำหน้าที่วิเคราะห์และจัดเก็บอะไหล่ ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอะไหล่รถยนต์ให้ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น และในส่วนความพร้อมเพื่อสร้างเครือข่ายที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศนั้น ปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการจำนวน 32 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 17 แห่ง และต่างจังหวัด 15 แห่ง และเตรียมแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เพิ่มอีกสี่แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครสองแห่ง และต่างจังหวัดอีกสองแห่ง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นเป็น 36 แห่ง และในปีนี้ยังมีแผนขยายศูนย์บริการสีและตัวถังที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์อีก 4 แห่งรวมเป็น 15 แห่งทั่วประเทศ  เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด”