กิจกรรม & CSRรถจักรยานยนต์ไลฟสไตล์

ฮอนด้าผุดกิจกรรม “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก”

2kviews

เอ.พี.ฮอนด้า เดินหน้าสร้าง “สังคมหัวแข็ง” รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยใส่หมวกกันน็อก ผนึกกำลังองค์กรภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนยกระดับการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยให้เป็นวาระแห่งชาติ ขยายแนวคิดไปยังสถานศึกษาและกลุ่มเยาวชน ผุดไอเดียสุดเจ๋งครั้งแรกในประเทศกับกิจกรรม “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก”

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เผยว่า “ทางบริษัท            เอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดทำโครงการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยบนถนนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” เพราะประเทศไทยมีสถิติผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ใส่หมวกกันน็อกมากถึง    93% และจากที่เราได้มีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องนั้น เมื่อสองปีที่แล้วเราได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนไทยที่ขับขี่จักรยานยนต์ต้องใส่หมวกกันน็อก จนมีคำพูดติดปากที่คุ้นเคยกันดี คือ “ใครไม่ใส่เราไม่ยอม” ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ส่วนในปีนี้ สังคมหัวแข็ง ปี 3 ทางฮอนด้าและภาคีเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรได้ขยายแนวคิดไปยังสถานศึกษาในระดับประเทศ จึงริเริ่มกิจกรรมโครงการประกวด   “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก” ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น  (ประถมปีที่ 1-3) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่จะใช้กิจกรรมนี้เป็นเวทีถ่ายทอดเรื่องราวความฝันของน้องๆ เยาวชนไทยลงบนหมวกกันน็อก ต่อยอดการร่วมด้วยช่วยกันเตือนให้ทุกคน  รอบข้างได้เห็นถึงความสำคัญและหันมาใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่ใชัรถจักรยานยนต์ ส่วนอีกกิจกรรมที่เราจะดำเนินคู่ขนานไปด้วย นั่นคือ กิจกรรมประกวดโครงงานรณรงค์การใส่หมวกกันน็อก “โรงเรียนหัวแข็ง”  สำหรับคุณครูและบุคคลากรในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการรณรงค์ ในพื้นที่ของโรงเรียนและชุมชนของตนเอง

“วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก”ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น  (ประถมปีที่ 1-3) ปิดรับสมัคร 30 พฤศจิกายน 61

“โรงเรียนหัวแข็ง” สำหรับคุณครูและบุคลากรในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ ปิดรับสมัคร 31 ตุลาคม 61

ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรมนี้ ทางฮอนด้าได้รับความอนุเคราะห์จาก นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) มาร่วมผลักดันโครงการ ในประชาสัมพันธ์ไปยังผู้บริหารสถานศึกษาภายใต้สังกัด สพฐ. ซึ่งมีมากกว่า 28,000 โรงเรียนทั่วประเทศและเรายังได้รับความร่วมมือจาก คุณคิม คุก ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็ก ประจำประเทศไทย                    (Save The Children) ที่เป็นภาคเอกชน ได้มาร่วมขับเคลื่อนองค์ความรู้ สนับสนุนด้านสื่อการทำ work shop ให้กับครูและผู้เข้าร่วมโครงการ  ซึ่งทั้งหมดนี้เราพร้อมผนึกกำลังโรงเรียนหัวแข็งทั่วประเทศ เพื่อสร้างสังคมหัวแข็งอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่จะดูแลความฝันของเด็กๆ ด้วยการสวมหมวกกันน็อก โดยจะเริ่มเปิด       รับสมัคร  ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน  นี้ พร้อมกันทั้ง 2 กิจกรรม ในส่วนกิจกรรมประกวดโครงงานรณรงค์การใส่   หมวกกันน็อก “โรงเรียนหัวแข็ง”  จะปิดรับสมัครในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ส่วนกิจกรรม “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก” จะปิดรับสมัครวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเราจะมีทุนการศึกษาและเงินสนับสนุน  มูลค่ากว่า  1.6 ล้านบาท”

นอกจากนั้น เพื่อปลุกจิตสำนึกคนในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองให้คำนึงถึงการใส่หมวกกัน   น๊อก ให้บุตรหลาน บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด จึงจัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด Dream Protector ขึ้นเพื่อออกอากาศตามสื่อโฆษณาทั่วไป โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป

เอ.พี.ฮอนด้า เดินหน้าสร้าง “สังคมหัวแข็ง” รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยใส่หมวกกันน็อก ผนึกกำลังองค์กรภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนยกระดับการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยให้เป็นวาระแห่งชาติ ขยายแนวคิดไปยังสถานศึกษาและกลุ่มเยาวชน ผุดไอเดียสุดเจ๋งครั้งแรกในประเทศกับกิจกรรม “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก”

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เผยว่า “ทางบริษัท            เอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดทำโครงการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยบนถนนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เมืองไทย ขับขี่ปลอดภัย” เพราะประเทศไทยมีสถิติผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ใส่หมวกกันน็อกมากถึง    93% และจากที่เราได้มีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องนั้น เมื่อสองปีที่แล้วเราได้ริเริ่มจัดทำโครงการ “สังคมหัวแข็ง” ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนไทยที่ขับขี่จักรยานยนต์ต้องใส่หมวกกันน็อก จนมีคำพูดติดปากที่คุ้นเคยกันดี คือ “ใครไม่ใส่เราไม่ยอม” ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ส่วนในปีนี้ สังคมหัวแข็ง ปี 3 ทางฮอนด้าและภาคีเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรได้ขยายแนวคิดไปยังสถานศึกษาในระดับประเทศ จึงริเริ่มกิจกรรมโครงการประกวด   “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก” ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น  (ประถมปีที่ 1-3) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่จะใช้กิจกรรมนี้เป็นเวทีถ่ายทอดเรื่องราวความฝันของน้องๆ เยาวชนไทยลงบนหมวกกันน็อก ต่อยอดการร่วมด้วยช่วยกันเตือนให้ทุกคน  รอบข้างได้เห็นถึงความสำคัญและหันมาใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่ใชัรถจักรยานยนต์ ส่วนอีกกิจกรรมที่เราจะดำเนินคู่ขนานไปด้วย นั่นคือ กิจกรรมประกวดโครงงานรณรงค์การใส่หมวกกันน็อก “โรงเรียนหัวแข็ง”  สำหรับคุณครูและบุคคลากรในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการรณรงค์ ในพื้นที่ของโรงเรียนและชุมชนของตนเอง

“วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก”ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น  (ประถมปีที่ 1-3) ปิดรับสมัคร 30 พฤศจิกายน 61

“โรงเรียนหัวแข็ง” สำหรับคุณครูและบุคลากรในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ ปิดรับสมัคร 31 ตุลาคม 61

ซึ่งทั้ง 2 กิจกรรมนี้ ทางฮอนด้าได้รับความอนุเคราะห์จาก นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) มาร่วมผลักดันโครงการ ในประชาสัมพันธ์ไปยังผู้บริหารสถานศึกษาภายใต้สังกัด สพฐ. ซึ่งมีมากกว่า 28,000 โรงเรียนทั่วประเทศและเรายังได้รับความร่วมมือจาก คุณคิม คุก ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็ก ประจำประเทศไทย                    (Save The Children) ที่เป็นภาคเอกชน ได้มาร่วมขับเคลื่อนองค์ความรู้ สนับสนุนด้านสื่อการทำ work shop ให้กับครูและผู้เข้าร่วมโครงการ  ซึ่งทั้งหมดนี้เราพร้อมผนึกกำลังโรงเรียนหัวแข็งทั่วประเทศ เพื่อสร้างสังคมหัวแข็งอย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่จะดูแลความฝันของเด็กๆ ด้วยการสวมหมวกกันน็อก โดยจะเริ่มเปิด       รับสมัคร  ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน  นี้ พร้อมกันทั้ง 2 กิจกรรม ในส่วนกิจกรรมประกวดโครงงานรณรงค์การใส่   หมวกกันน็อก “โรงเรียนหัวแข็ง”  จะปิดรับสมัครในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ส่วนกิจกรรม “วาดฝันไว้ในหมวกกันน็อก” จะปิดรับสมัครวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเราจะมีทุนการศึกษาและเงินสนับสนุน  มูลค่ากว่า  1.6 ล้านบาท”

นอกจากนั้น เพื่อปลุกจิตสำนึกคนในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองให้คำนึงถึงการใส่หมวกกัน   น๊อก ให้บุตรหลาน บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด จึงจัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด Dream Protector ขึ้นเพื่อออกอากาศตามสื่อโฆษณาทั่วไป โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป