กิจกรรม & CSRรถยนต์ในประเทศ

โตโยต้า ฉลอง 60 ปี ตั้งเป้าผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า รีเซ็ตระบบการผลิตลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมผุดTOYOTA ALIVE คอนมูนิตี้ไลฟ์สไตล์ที่บางนา

466views

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ มร.ฮาว ก๊วก เทียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโตโยต้าประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค  พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้า ผู้ผลิตชิ้นส่วนโตโยต้า ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในงานแถลงข่าว “ครบรอบ 60 ปี โตโยต้า…ร่วมขับเคลื่อนอนาคต” ประกาศเจตนารมณ์ พร้อมเป็นผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในการตอบสนองความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม  เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ณ ศูนย์ TOYOTA ALIVE บางนา

ตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา โตโยต้ามุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนสังคมและเติบโตเคียงข้างคนไทยมาโดยตลอด โดยมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย มีโรงงานประกอบรถยนต์หลักทั้งสิ้น 3 แห่ง มีกำลังการผลิตมากถึง 770,000 คันต่อปี ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศสะสมกว่า 7 ล้านคัน ยกระดับสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์หลักในระดับภูมิภาคเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลกกว่า 5 ล้านคัน รวมเป็นยอดผลิตสะสมทั้งสิ้นกว่า 11 ล้านคัน เป็นผู้นำยานยนต์ในด้านการปฏิวัติเทคโนโลยีเพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับตลาดเมืองไทย และเป็นผู้ริ่เริ่มแนะนำเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่ตลาดในประเทศไทย ต่อยอดไปสู่การยกระดับผลิตภัณฑ์และการบริการในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้าในปัจจุบัน นอกจากนี้    โตโยต้ายังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ มากมาย ซึ่งถือเป็นความตั้งใจจริงที่โตโยต้าต้องการจะส่งมอบความสุข และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย

นาย ฮาว ก๊วก เทียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโตโยต้าประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า “ผมขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อรัฐบาลและประชาชนชาวไทยที่ได้ส่งเสริมและสนับสนุนโตโยต้าอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด รวมถึงการที่ประเทศไทยและบุคลากรของประเทศมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นในด้านทักษะ คุณภาพ ผลิตภาพ อีกทั้งยังขึ้นชื่อในมิตรไมตรีจิตอันงดงาม การที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเจริญเติบโตนั้นส่งผลให้ผลิตภัณฑ์และบริการของโตโยต้าขายดีและได้รับการยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ส่งผลให้โตโยต้าเติบโตอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 6 ทศวรรษ จวบจนสามารถจารึกประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จครั้งสำคัญของพวกเราในวันนี้ นี่คือบทพิสูจน์ว่าโตโยต้ามีสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งและแนบแน่นกับประเทศไทย และด้วยความท้าทายใหม่ที่เรากำลังเผชิญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมแผนการนำเสนอยานยนต์จากโตโยต้าที่มีส่วนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนต่อจากนี้ ผมมั่นใจว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญ ในประเทศที่สวยงามแห่งนี้ในอีก 60 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน”

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ขอแสดงความขอบคุณต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนสำหรับการสนับสนุนและมีส่วนช่วยให้โตโยต้าเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมไทยตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา ในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี นี้ ถือเป็นการเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของโตโยต้า ในการเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อนที่ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและเติบโตเคียงคู่ไปกับสังคมไทย ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่กับการเป็น “ผู้นำพาการขับเคลื่อนยุคใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขของผู้คน และความยั่งยืนของสังคม” ภายใต้พันธกิจใหม่ของเรา ได้แก่

1) ส่งมอบการขับเคลื่อนที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และพร้อมในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

2) นำเสนอประสบการณ์การขับเคลื่อนยุคใหม่แบบไร้รอยต่อ โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้บริการด้านการขับเคลื่อนในทุกรูปแบบ

3) เสริมสร้างสมดุลแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการดำเนินงานในทุกกระบวนการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์

4) ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คน รวมถึงนำพาสังคมให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

5) ส่งเสริมการพัฒนาบุคคลากรเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในยุคหน้า ตลอดจนยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมตามหลักธรรมมาภิบาลที่ดี

ทั้งนี้ เพื่อบรรลุไปสู่เป้าหมายของพันธกิจใหม่ดังกล่าว หนึ่งในแผนงานที่โตโยต้าให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ การบรรลุเป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งถือเป็นพันธกิจหลักของกลุ่มโตโยต้าทั่วโลก และสอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกลยุทธที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ โดยได้เริ่มแนะนำรถยนต์ bZ4X ซึ่งถือเป็นรถยนต์พลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกของโตโยต้าเข้าสู่ตลาด และยังมีแผนที่จะแนะนำยานยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไป เพื่อรองรับความต้องการและการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าชาวไทย รวมถึงการเตรียมความพร้อมในด้านของกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานคุณภาพที่สูงสุด ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน ในการศึกษาโครงการต่างๆร่วมกันทั้งในด้านการสร้างบุคลากรที่มีทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตและความนิยมที่เพิ่มขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการประกอบยานยนต์ไฟฟ้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไปในอนาคต

นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “โตโยต้ามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุข เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยทุกคน พร้อมขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ภายใต้กรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ         “SDGs – Sustainable Development Goal”

โตโยต้าให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality เพื่อตอบสนองต่อนโยบายการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว โตโยต้าได้มีความพยายามเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง (Multi Pathway) ผ่านการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ พร้อมกับความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอน ผ่านการจัดการกระบวนการผลิตตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Life Cycle Assessment)  เริ่มตั้งแต่

  • การออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงมลภาวะ เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ เช่น การใช้พลังงานทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ หรือ ไฟฟ้า
  • การนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าด้วยระบบส่งกำลังรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการใช้งานในทุกรูปแบบ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า
  • การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาค ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ
  • การยกระดับการดำเนินงานในสายการผลิตเพื่อบรรลุเป้าหมาย โรงงานที่ปล่อย CO2 เป็นศูนย์ ทั้งการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในสายการผลิต การลดการใช้พลังงานในสายการผลิต และ การเพิ่มประสิทธิภาพภายใต้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า
  • การร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนและผู้แทนจำหน่าย ในการจัดการระบบขนส่งอย่างมีประสิทธภาพเพื่อให้ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ การร่วมลดการใช้พลังงานในสำนักงาน ตลอดจนมีข้อกำหนดมาตรฐานการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมให้กับคู่ค้าตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ
  • การขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการเตรียมความพร้อมในการกำจัดผลิตภัณฑ์เมื่อหมดอายุการใช้งานอย่างถูกวิธี (3R : Rebuilt, Reuse, Recycle)
  • การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นกลางทางคาร์บอนแห่งแรกนอกโรงงาน “โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา” เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมการให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
  • โตโยต้ามีแผนที่จะริเริ่มโครงการ “ชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” เพื่อยกระดับจากการสร้างศูนย์การเรียนรู้ ไปสู่การสร้างชุมชนต้นแบบที่จะสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนต่อไปอีกด้วย โดยตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
  • มีการขยายผลของการดำเนินการไปสู่อีกระดับ โดยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในหลากหลายโครงการ อาทิ เช่น โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ร่วมกับเมืองพัทยา โดยโตโยต้าได้มีการนำรถยนต์พลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ทดลองให้บริการเพื่อตอบสนองการเดินทางที่มีความหลากหลายในเมืองพัทยา และร่วมมือกับพันธมิตรในโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ การใช้พลังงานสะอาด หรือ ระบบเชื่อมต่อการเดินทางที่ทันสมัย เข้ามาใช้ในโครงการ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Modernized and Decarbonized Transportation”

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า”เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในความต้องการเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้า โตโยต้ามากยิ่งขึ้น เราจึงได้ทำการแนะนำโครงการใหม่ในรูปแบบของคอมเพลกซ์นั่นคือ โครงการ TOYOTA ALIVE โดยมีแนวคิดเพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมกิจกรรมต่างๆทั้งในรูปแบบ Online และ Offline เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ร่วมกับลูกค้าให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น มีการนำเสนอเทคโนโลยีและบริการต่างๆของโตโยต้าได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งวิจัยข้อมูลจากลูกค้า ตลอดจนเป็นสถานที่พบปะผู้คนที่มีแนวคิดและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอนาคตไปด้วยกัน ถือเป็นไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ ที่ลูกค้าทั่วไป พันธมิตร นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ทุกเพศ ทุกวัย สามารถเข้ามาใช้บริการร่วมกันได้ทุกวัน”

ในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี โตโยต้า ในครั้งนี้ บริษัทได้มีแผนที่จะทำการแนะนำรถยนต์ “รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี” จำหน่ายในจำนวนจำกัด 6,000 คัน รวมถึงมีการจัดเตรียมกิจกรรมและแคมเปญพิเศษต่างๆมากมาย เพื่อเป็นการร่วมฉลองกับลูกค้าโตโยต้าทุกคนในโอกาสพิเศษนี้อีกด้วย

 

บรรณาธิการ Buzzbiz
อดีตผู้สื่อข่าวภูมิภาค เศรษฐกิจ รถยนต์ ที่เดินทางอยู่บนฐานันดอน 4 มานาน นับ30 ปี