กิจกรรม & CSRเศรษฐกิจ

โรลส์-รอยซ์ เปิดตัว ‘Ghost’ เจเนอเรชั่นใหม่ในไทย เริ่มต้นที่ 32.7 ล้านบาท

940views

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวโรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’เจเนอเรชั่นใหม่ หลังเจเนอเรชั่นแรกทำตลาดมานาน 1 ทศวรรษ ได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ทั้งการออกแบบและวิศวกรรมอันงดงามดุจงานศิลป์ ผสานบุคลิกที่ดูถ่อมตนและเรียบง่าย กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 117 ปีของบริษัท ช่วยเพิ่มศักยภาพการลงทุน ขยายการผลิและขับเคลื่อนแบรนด์โรลส์-รอยซ์

นายกฤษฎา สวามิภักดิ์, ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก  กล่าวว่า“โรลส์-รอยซ์ มีความผูกพันกับคำว่า ‘โกสต์’ มาโดยตลอด ซึ่งหลังจากที่ โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ เจเนอเรชั่นแรก หรือ ‘กู๊ดวูดโกสต์’ ทำตลาดยาวนานกว่า 1 ทศวรรษ และกลายเป็นรุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประวัติศาสตร์ 117 ปี ของ โรลส์-รอยซ์ ก็ถึงเวลาของ ‘โกสต์’ เจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งเป็นผลผลิตจากการนำข้อมูลและความต้องการของลูกค้า โรลส์-รอยซ์ มาพัฒนานานกว่า 5 ปี ส่งผลให้เป็นยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยความหรูหรา แต่เรียบง่าย ใช้งานได้อเนกประสงค์ ผสานช่วงล่าง ‘Magic Carpet Ride’ ที่ได้รับการปรับปรุงให้นุ่มนวลขึ้นอีกระดับและมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา”

โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ เจเนอเรชั่นใหม่ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี ผสานดูแลโดยทีมช่างผู้ชำนาญ ที่ผ่านการรับรองจาก โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส รวมถึงอัพเกรดซอฟท์แวร์ฟรีตลอดอายุการใช้งาน และมั่นใจได้กับราคาขายต่อที่เป็นมาตรฐาน  โดยโรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ ราคาเริ่มต้น 32.7 ล้านบาท ส่วนโรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ Extended     ราคาเริ่มต้น 36.8 ล้านบาท

โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ ใช้โครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียม เรียกว่า ‘สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา’ (Architecture of Luxury)อันเป็นกรรมสิทธิ์ของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลทฟอร์มให้กับยนตรกรรม โรลส์-รอยซ์รุ่นใหม่ทุกรุ่นโครงสร้างสเปซเฟรมที่เบา ยืดหยุ่น แต่แข็งแกร่ง ปรับใช้ได้กับรถหลายขนาด ทำให้ ‘โกสต์’ มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุล 50-50ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการขับเคลื่อนในทุกสภาพเส้นทาง

ตัวถังอะลูมิเนียมเชื่อมด้วยมือเป็นเสมือนผ้าใบวาดภาพผืนใหญ่ มองแล้วลื่นไหลต่อเนื่อง ชวนให้นึกถึงรถโค้ชบิลต์เช่น ‘ซิลเวอร์ ดอว์น’ และ ‘ซิลเวอร์ คลาวด์’ ขณะที่สัญลักษณ์นางฟ้า หรือ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ก็เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ถูกล้อมกรอบบริเวณฐาน เพิ่มความโดดเด่นให้นางฟ้าบนฝากระโปรง ดุจกำลังลอยอยู่กลางทะเลสาบ เมื่อมองจากด้านข้าง ก็เห็นลายเส้นเดี่ยว ลากยาวไปตามตัวถัง ขณะที่เส้นโค้ง ‘waft line’ด้านล่างถูกหยิบยืมมาจากการออกแบบเรือ ผสานเทคนิคเรื่องการตกกระทบของแสง ช่วยให้พื้นผิวดูสว่างขึ้นรูปทรงของไฟท้ายที่แทบจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้กลายเป็นหลักของการออกแบบร่วมสมัยของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งรูปทรงนี้ยังคงอยู่ แต่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อย และเนื่องจากรอยต่อรอบไฟได้หายไป จึงทำให้ไฟท้ายดูเหมือนเป็นเกาะที่ได้รับการแต่งแต้มสีสัน ลอยเด่นอยู่บนผิวรถ

เทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ทั้งในเมืองและชนบท ประกอบด้วยไฟหน้าเลเซอร์ที่มีระยะส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร และการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ อาทิ ระบบเสริมทัศนวิสัยที่มาพร้อมระบบแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบเตือนผู้ขับหลับใน(alertness assistant) กล้อง 4 ตัว แสดงมุมมองรอบรถและมุมจากด้านบน การแสดงข้อมูลสะท้อนบนกระจกหน้าด้วยความละเอียดสูงสุดในอุตสาหกรรม ระบบจอดอัตโนมัติ และอื่นๆ ช่วยเพิ่มมั่นใจสูงสุดในทุกสภาวะ

โรลส์-รอยซ์ ‘โกสต์’ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ วี12 สูบ 6.75 ลิตร ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้กับรุ่น‘โกสต์’โดยเฉพาะให้กำลัง563 bhpแรงบิด 850 นิวตันเมตร ช่วยให้ยนตรกรรมพิกัดกว่า 2 ตัน มีอัตราเร่งทันใจในทุกสถานการณ์ แรงบิดสูงสุดมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งสูงกว่ารอบเดินเบาประมาณ 600 รอบ/นาที เท่านั้น รวมถึงมีการปรับแต่งท่อไอดีใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร

ทีมออกแบบ Bespoke Collective ที่ประกอบด้วยนักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ได้รังสรรค์แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia)สำหรับ ‘โกสต์’ ที่ดูเข้ากันกับเพดานห้องโดยสาร ‘สตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์’แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) ปรับแต่งให้มีสีสันเข้ากับแสงของนาฬิกาและมาตรวัดในห้องโดยสาร ติดตั้งท่อนำแสงหนา 2 มม. พร้อมเจาะรูขนาดเล็ก

ด้วยเลเซอร์กว่า 90,000 ช่อง บนแดชบอร์ด เพื่อทำให้คำว่า ’Ghost’ มีความสว่างอย่างทั่วถึง ภายใต้แอลอีดี 152 ดวง ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว 850 ดวง เปล่งประกายระยิบระยับ ทั้งหมดถูกซ่อนไว้ขณะดับเครื่องยนต์ ภายใต้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นพื้นสีดำ Piano Black ที่ผ่านการเจาะรูด้วยเลเซอร์เพื่อให้แสงส่องผ่านคำว่า ‘Ghost’ และกลุ่มดาว จากนั้นพ่นทับด้วยแลคเกอร์ทึบ และแลคเกอร์ขุ่นในชั้นสุดท้าย พร้อมขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีต เหลือเพียงชั้นแลคเกอร์บางเฉียบ 0.5 มม. พร้อมความเงางามฉ่ำลึก

นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งด้านหลังแบบ ‘Serenity Seat’ ปรับเอนได้ตามต้องการ นับเป็นมิติใหม่ของความสะดวกสบาย คล้ายห้องโดยสารของเครื่องบินชั้นธุรกิจมาพร้อมตู้แช่แชมเปญที่สามารถกำหนดอุณหภูมิได้ 2 โหมด คือ 6 และ 11 องศาเซลเซียส สำหรับแชมเปญยุคใหม่ และแชมเปญวินเทจตามลำดับสีเคลือบผิวไม้ 2 สีใหม่พัฒนาสำหรับ‘โกสต์’คือObsidian Ayousที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความหลากหลายของสีที่พบในหินลาวา และDark Amber ที่ผสานอนุภาคอะลูมิเนียมละเอียดแทรกอยู่ในลายไม้ โดยทั้ง 2 สีสามารถเลือกเป็นแบบ (Open Pore) เพื่อเผยให้เห็นถึงผิวสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ

ความเงียบสงบเป็นผลจากโครงสร้างอะลูมิเนียมที่มีค่าความต้านทานคลื่นเสียง (acoustic impedance) สูงกว่าเหล็ก การทำผนังห้องเครื่องและพื้นรถ 2 ชั้น แทรกกลางด้วยวัสดุซับเสียง ขณะที่ประตู หลังคา และจุดอื่นๆ ติดตั้งวัสดุซับเสียง น้ำหนักรวมกว่า 100 กิโลกรัม ทว่าความเงียบสงัดอาจทำให้รู้สึกอึดอัด วิศวกรจึงสร้างโทนเสียงความถี่ต่ำ เรียกว่า ‘เสียงกระซิบ’(whisper) พร้อมปรับแต่งอุปกรณ์ตามจุดต่างๆ ให้มีเสียงสะท้อนในความถี่เดียวกัน ช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด

ห้องโดยสารของ ‘โกสต์’ ติดตั้งระบบฟอกอากาศMEPS(Micro-Environment Purification System) ประกอบด้วยเซนเซอร์ความไวสูง เพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศโดยอัตโนมัติ หากตรวจพบสิ่งปนเปื้อน ก็จะผันอากาศสู่ไส้กรองนาโนฟลีซ ที่สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนอนุภาคขนาดเล็กจากห้องโดยสารภายในเวลาต่ำกว่า2 นาที

ช่วงล่างถุงลม โครงสร้างด้านหน้า-หลัง ดับเบิลวิชโบน และไฟว์-ลิงค์ (five-link) ตามลำดับขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ความนุ่มนวลของช่วงล่างดุจพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) อันเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น กับเทคโนโลยี ‘Planar Suspension System’ ที่ใช้ผ่านการทดสอบและพัฒนาร่วม 10 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์ขับอันนุ่มนวล เหมือนกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน ซึ่งไม่เคยมีผู้ผลิตยานยนต์รายใดทำได้

ระบบดังกล่าว เป็นการผสมผสานกันระหว่างการพัฒนาโครงสร้างทางวิศวกรรม เข้ากับซอฟท์แวร์อันทันสมัย นับเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับแรงสะเทือนเหนือปีกนกตัวบนของช่วงล่างหน้า (Upper Wishbone Damper) ช่วยเพิ่มความมั่นคงและนุ่มนวลในการขับ ทำงานร่วมกับระบบ Flagbearer เป็นกล้องคู่ สแกนพื้นถนนด้านหน้า และปรับช่วงล่างให้เหมาะกับสภาพถนน ผสานระบบเกียร์เชื่อมต่อกับดาวเทียม (Satellite Aided Transmission) ที่สามารถปรับจังหวะเกียร์ ให้ลงตัวกับเส้นทางมากที่สุด