เศรษฐกิจ

อสังหาฯเศรษฐกิจ

การเคหะฯจับมือแบงค์กรุงไทยให้สินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาฯ

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ร่วมกับธนาคารกรุงไทยจัดพิธีลงนามความร่วมมือการร่วมดำเนินกิจการโดยวิธีการสนับสนุนโครงการภาคเอกชนโดยมี นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และ ดร.ธัชพลกาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้มีแหล่งเงินกู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งการเคหะแห่งชาติจะเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำโครงการฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 ณ ห้องวทัญญู ณ ถลาง สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการเคหะประชารัฐร่วมทุนเป็นอีกหนึ่งภารกิจของการเคหะแห่งชาติภายใต้การขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับการเคหะแห่งชาติใน 3 รูปแบบ คือ โครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะดำเนินงานในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Investment) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556  ส่วนโครงการที่มีมูลค่าโครงการต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จะดำเนินงานในรูปแบบโครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) ตามพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ และระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการสนับสนุนโครงการ ทั้งนี้ โครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) การเคหะแห่งชาติจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและบริหารจัดการงานก่อสร้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพิจารณาความเป็นไปได้ด้านการตลาด ความเหมาะสมทางกายภาพ และการเงินการลงทุน อีกทั้งประสานงานกับสถาบันการเงินของรัฐในการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยในการดำเนินโครงการดังกล่าว จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือ การร่วมดำเนินกิจการโดยวิธีการสนับสนุนโครงการภาคเอกชนระหว่างธนาคารกรุงไทยและการเคหะแห่งชาติขึ้น โดยเป็นการร่วมมือเชิงบูรณาการเพื่อสานพลังประชารัฐสามฝ่าย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานเชิงนโยบายของรัฐบาล สู่การปฏิบัติจริงที่เป็นรูปธรรมเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนบุคลากรระหว่างองค์กรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านต่างๆ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการพัฒนาโครงการ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ รวมทั้งการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง การลงนามในครั้งนี้ ธนาคารจะให้การสนับสนุนสินเชื่อกัผู้ประกอบการที่สนใจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนา (Pre Finance) โครงการต่างๆ...
เศรษฐกิจโชว์รูมรถใหม่

อาวดี้ ลงทุน 1.4 พันล้านบาท ผุดสนง.ใหญ่ พร้อมเปิดตัว Audi Q8  เป็นประเทศแรกในอาเซียน

อาวดี้ ประเทศไทย ลงทุน 1.4 พันล้านบาท เปิดสำนักงานใหญ่-โชว์รูมและศูนย์บริการ หรือ Audi Centre Thailand  ครบวงจร ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา  พร้อมเปิดตัว SUV เรือธง รุ่นล่าสุด “Audi Q8”  เป็นประเทศแรกในอาเซียน เคาะราคา 6.799 ล้านบาท ชูประเทศไทยเป็นตลาดศักยภาพสูงและเป็นหนึ่งในตลาดของอาวดี้ที่กำลังมาแรงและมีการเติบโตสูงสุด นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร อาวดี้ประเทศไทย กล่าวว่า ตามพันธสัญญา ในการให้ความสำคัญและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด และภายใต้แผนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกเพื่อสร้างแบรนด์อาวดี้ในประเทศไทย ส่งผลให้อาวดี้มีการยกระดับการทำงานทุกส่วน  ทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขาย ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิด สำนักงานใหญ่-โชว์รูมและศูนย์บริการ หรือ Audi Centre Thailand  ขนาด 6 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งมีพื้นที่ 3 ไร่ ตามมาตรฐานของแบรนด์อาวดี้ ที่มีจุดเด่น คือความครบวงจร ทั้งโชว์รูม ศูนย์บริการและศุนย์ซ่อมสี-ตัวถังที่ทันสมัย ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่บริเวณถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา  โดยใช้เงินลงทุนในที่ดิน ก่อสร้าง ตกแต่ง ติดตั้งเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย รวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท  นับเป็นข้อพิสูจน์ความจริงจังของการปักหมุดสร้างแบรนด์  ยนตรกรรมอาวดี้ในประเทศไทย  ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของ Audi AG  ในฐานะที่ประเทศไทย      เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว “การเปิดสำนักงานใหญ่ของ อาวดี้ ประเทศไทย ตอกย้ำความชัดเจนในความเป็น  แบรนด์อาวดี้ ที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาวดี้ ประเทศไทย มั่นใจว่า ความทันสมัยของ Audi Centre Thailand      จะสร้างนิยามใหม่ให้กับโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมั่นใจว่า ที่นี่จะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ และจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอาวดี้...
อสังหาฯเศรษฐกิจ

การเคหะฯ เตรียมที่อยู่กว่า 1.5 หมื่นหน่วยร่วมโครงการบ้านล้านหลัง

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ขานรับโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมนำที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 กว่า 15,000 หน่วย มาให้ประชาชนได้จับจอง ช่วยให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติสนองตอบนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างถ้วนทั่ว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม จึงได้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในราคาที่ประชาชนสามารถรับภาระได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้จัดทำ “โครงการบ้านล้านหลัง” ภายใต้กรอบวงเงินรวม 60,000 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ แบ่งการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยออกเป็น 3 เฟส ซึ่งการเคหะแห่งชาติมีความพร้อมเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สำหรับเฟสแรก ได้เตรียมที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชน และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า (TOD) ซึ่งพร้อมเข้าอยู่อาศัยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 15,663 หน่วย มาให้ประชาชนได้จับจอง พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษและสินเชื่อตามเงื่อนไขของธนาคาร ส่วนการดำเนินงานในเฟสที่ 2 การเคหะแห่งชาติพร้อมที่จะทำความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในการนำที่อยู่อาศัยมาจำหน่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ และเฟสที่ 3 การเคหะแห่งชาติมีแผนดำเนินงานที่จะทำโครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support)  โดยจะขอรับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งคาดว่าจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนยื่นข้อเสนอได้ภายในเดือนกันยายน 2561...
อสังหาฯ

การเคหะฯ ย้ำ ! ย้ายเข้าแฟลตดินแดงระยะที่ 1 เป็นไปตามแผน

นับจากวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นมา การเคหะแห่งชาติได้ให้ผู้อยู่อาศัยเดิมในแฟลตที่ 18 - 22 ย้ายเข้าพักอาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2561 โดยผู้อยู่อาศัยเดิมย้ายเข้าพักอาศัยในอาคารใหม่ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การเคหะแห่งชาติยังคงได้รับการตอบรับจากผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดีที่ได้มอบโอกาสให้ได้อยู่อาศัยในอาคารใหม่ที่มั่นคง แข็งแรง และมีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัยกว่าเดิม ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 18 - 22 ได้ย้ายเข้าพักอาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 ครบตามจำนวนผู้อยู่อาศัย 238 ครอบครัวแล้ว และสำหรับห้องว่างในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 1 การเคหะแห่งชาติได้ขออนุมัติเห็นชอบ ในหลักการให้นำผู้อยู่อาศัยที่จะเข้าอยู่ในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 เข้าอยู่อาศัยในโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรี หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการฯ และมีผู้ยื่นความประสงค์ในการเข้าอยู่อาศัยมากกว่าจำนวนห้องว่าง การเคหะแห่งชาติจะคัดเลือกผู้ได้สิทธิด้วยการจับสลากเพื่อเข้าอยู่อาศัยในโครงการฯ ดังกล่าว สำหรับอาคารเก่าแฟลตที่ 18 - 22 ขณะนี้ได้ทำการปิดอาคารเพื่อป้องกันการบุกรุกที่จะนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม และอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตรื้อถอนอาคารจากกรมธนารักษ์และสำนักงานเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เมื่อทำการรื้อถอนเรียบร้อยแล้วก็จะเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ต่อไป...
คมนาคมนวัตกรรมไลฟสไตล์

กฟน.จับมือนิสสันติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านลูกค้า

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัย  เตรียมความพร้อมสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้ ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ ข้อตกลงดังกล่าวเน้นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนนเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง  กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปีกฟน. ในปีนี้กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตเนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัดโดยกฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายรายซึ่งการลงนามกับนิสสันมอเตอร์ประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยกฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสันและเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัทนิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  เช่นตัวแทนจำหน่ายส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการเป็นต้นซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคันภายในปีพ.ศ. 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ นอกจากนี้กฟน. ยังได้มีการจัดทำ“MEA EV Application” ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนสมาร์ทโฟน เวอร์ชันล่าสุด 2.0 รองรับการใช้งานทั้งระบบIOS และAndroid สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จพร้อมควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบรีโมทด้วยแอปพลิเคชันทันที การแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จการคำนวณอัตราการประหยัดพลังงานรวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆที่จะจัดทำเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในอนาคต นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย  กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก "รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา...
งานแสดงรถยนต์มาร์เก็ตติ้งเศรษฐกิจ

ค่ายรถคาดตลาดรถปีนี้ทะลุล้านคัน

ค่ายรถมั่นใจตลาดปีนี้แตะหลักล้านคัน ระบุปัจจัยเอื้อ ทั้งจีดีพี ลงทุนภาครัฐ เอกชน ส่งออก ท่องเที่ยวขยายตัว ชี้เก๋งเล็ก อีโค คาร์ เอสยูวี ตัวขับเคลื่อนหลัก ด้านส่งออกเผยราคาน้ำมันเพิ่ม ดันตลาดตะวันออกกลางส่งสัญญาณฟื้นตัว สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย จัดเสวนาหัวข้อ “ตลาดรถขาขึ้น...? ซื้อให้ได้ ขายให้ดี” โดยมีนักการตลาดจากบริษัทรถยนต์และนักวิชาการมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดรถยนต์ กำลังซื้อผู้บริโภค นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามองว่าตลาดรถยนต์ไทยมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านคัน/ปี แต่จะมากกว่าหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบ เช่นปีนี้เห็นว่าภาพรวมต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่งผลให้ตลาดมีทิศทางที่สดใส และมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายโดยรวมจะสูงกว่า 1 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับบริษัทรถยนต์ ตลาดหลักรถยนต์ไทยยังคงเป็นรถปิกอัพ แต่ตลาดที่โดดเด่นและเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงนี้ คือ กลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ประกอบไปด้วย อีโค คาร์ และบี คาร์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่สูง “รถเอสยูวี และพีพีวี ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น แต่เป็นตลาดสำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ส่วนอีโค คาร์ และบีคาร์ เป็นกลุ่มที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย” ด้านนายยอดชาย ซื่อวัฒนากุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อีโค คาร์ เพิ่มบทบาทความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ มียอดขายที่สูงกว่าไตรมาสแรก 56% ส่วนรถกลุ่มพีพีวีก็ขยายตัวเช่นกัน ประมาณ 5% ทั้งนี้ หากมองในภาพรวม พบว่าตลาดรถยนต์มีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น การลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น การส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง...
กิน-เที่ยวเศรษฐกิจ

รัสเซียปลื้มผลไม้ไทย

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขนสินค้าสหกรณ์การเกษตร ทั้งมะพร้าวน้ำหอม-สับปะรดห้วยมุ่นออกบูธเปิดตัวในงานเทศกาลแสดงสินค้าเกษตรไทย ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เผยประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับความสนใจ ลูกค้ารัสเซียแห่ซื้อเพียบ ชี้เป็นโอกาสดีของสหกรณ์ไทยที่จะทำขยายช่องทางส่งออกผลไม้เพิ่ม เตรียมผลักดันสหกรณ์ขยายแปลงปลูกส่งออกสินค้าคุณภาพป้อนตลาดรัสเซีย นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจากนำผู้แทนสหกรณ์การเกษตรบ้านรางสีหมอก จำกัด จังหวัดราชบุรี และสหกรณ์การเกษตรน้ำปาด จำกัด จังหวัดอุตรดิตถ์ จำกัด เดินทางไปร่วมแสดงสินค้าเกษตร ในงานเทศกาลไทย ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ประจำปี 2561 ว่า การไปร่วมงานครั้งนี้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าของสหกรณ์ไทย และขยายโอกาสทางการค้า พร้อมกับได้สำรวจตลาดผลไม้ในรัสเซียด้วย เนื่องจากเล็งว่าจะขยายตลาดผลไม้ไทยสู่ประเทศรัสเซีย ทั้งนี้  ผลไม้ไทยที่นำไปแสดงในงานมี 2 ชนิดคือ มะพร้าวน้ำหอม และมะพร้าวแก้วแปรรูป ของสหกรณ์การเกษตรบ้านรางสีหมอก จำกัด จังหวัดราชบุรี รวมถึงสับปะรดห้วยมุ่นและสับปะรดอบแห้ง ของสหกรณ์การเกษตรน้ำปาด จำกัด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยได้ทดลองขายและเปิดโอกาสให้ลูกค้าชาวรัสเซียได้ชิมรสชาติผลไม้ไทย ซึ่งได้รับการตอบรับและความสนใจจากลูกค้ารัสเซียที่ชื่นชอบประทับใจในรสชาติและซื้อผลไม้ที่นำไปจัดแสดงจนหมด เพราะคนรัสเซียชอบผลไม้ที่ไม่หวานมาก ดังนั้น ผลไม้ของไทยน่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าในการซื้อขายได้ เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ หากสหกรณ์สามารถส่งผลไม้ไปเปิดตลาดที่นั้นได้โอกาสที่จะขยายไปยังสินค้าชนิดอื่น ๆ  ก็จะตามมา ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และยังได้สร้างความสัมพันธ์กับเครือข่ายผู้นำเข้าสินค้าของรัสเซีย เพื่อเจรจาขยายตลาดการนำเข้าสินค้าของสหกรณ์ไปยังประเทศรัสเซียเพิ่มขึ้นด้วย “คนรัสเซียจะชอบสเต็ก ผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งการที่เราไปร่วมงานครั้งนี้ เนื่องจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้เชิญไปร่วมงานและอยากจะให้นำผลไม้ของสหกรณ์ ทั้งมะพร้าวน้ำหอมและสับปะรดไปเปิดตัวที่นั่น ซึ่หลังจากที่นำสินค้าไปจัดแสดงในครั้งนี้ ทำให้เห็นช่องทางในการเปิดตลาดใหม่ให้กับผลไม้ของสหกรณ์ โดยจะส่งผลไม้ที่รัสเซียไม่มีไปจำหน่ายที่นั่น แต่ปัญหาอุปสรรคคือกระบวนการนำเข้าของรัสเซียจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทางสถานทูตรัสเซียช่วยเหลือประสานงานในเรื่องนี้แล้ว คิดว่าประมาณ 3 เดือนน่าจะมีความคืบหน้าในการติดต่อประสานงานมากขึ้น”นายเชิดชัย กล่าว             นายเชิดชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ได้คัดเลือกมะพร้าวน้ำหอมจากจังหวัดราชบุรีไปโชว์ เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตหลักและสวนมะพร้าวของสมาชิกสหกรณ์ได้มาตรฐาน GAP ส่วนสับปะรดจากสหกรณ์ของอุตรดิตถ์ก็ได้มาตรฐาน GI ซึ่งเป็นสินค้าที่มีข้อมูลบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และมีรสชาติโดดเด่นไม่กัดลิ้น จึงนับว่าเป็นโอกาสดีที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะผลักดันให้สหกรณ์เป็นผู้ส่งออกสินค้าผลไม้สดและผลไม้แปรรูปไปยังประเทศรัสเซีย แต่สิ่งที่สหกรณ์จะต้องทำให้ได้คือการรักษาคุณภาพผลผลิตให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งกรมฯจะประสานกับหน่วยงานต่าง  ๆ ช่วยผลักดันสหกรณ์ให้สามารถส่งออกสินค้าไปให้ได้ รวมถึงจะส่งเสริมเกษตรกรให้ขยายแปลงปลูกเพิ่มเพื่อส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สอดคล้องกับนโยบายของการตลาดนำการผลิตได้เป็นอย่างดี...
คมนาคมเศรษฐกิจ

กลุ่มดวงฤทธิ์คว้างานออกแบบสุวรรณภูมิ เทอร์มินัล 2

ทอท.ไฟเขียวกลุ่มดวงฤทธิ์ ชนะงานออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 329.5 ล้านบาท แจงละเอียดยิบ ปัดกลุ่มที่ปรึกษาSA ที่ได้คะแนนเทคนิคสูงสุด ตกรอบ เหตุจากผิดทีโออาร์ คาดเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 และแล้วเสร็จในปลายปี2564  รองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 30 ล้านคนต่อปี ในการประชุมบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ได้อนุมัติให้ทอท.ดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างงานสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีผู้ยื่นซองประมูลจำนวนรวม 4 ราย โดย กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเอสเอ กรุ๊ป ได้คะแนนสูงสุด แต่ไม่ได้ยื่นต้นฉบับใบเสนอราคา ตามที่ทอท.กำหนดในTOR  จึงได้เชิญกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก ซึ่งได้คะแนนเทคนิคสูงอันดับถัดไปมาต่อรองราคาตามเงื่อนไข โดยเสนอราคาค่าออกแบบเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 349 ล้านบาท และคณะกรรมการจัดหาพัสดุได้ดำเนินการต่อรอง รวมเป็นค่าจ้างออกแบบทั้งสิ้น 329.5 ล้านบาท โดยแบบอาคารผู้โดยสาร ที่นำเสนอเป็นคอนเซ็ปต์ Forest Airport Terminal มีการจัดพื้นที่บางส่วนสร้างระบบนิเวศน์ป่า สร้างความร่มรื่น ส่วนการออกแบบกลุ่มบริษัทที่ปรึกษากลุ่มบริษัทร่วมทำงานเอส เอ เป็นคอนเซ็ปต์ดอกบัว สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบไปด้วย 1. งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบินA มีพื้นที่ประมาณ348 แสนตารางเมตร เป็นอาคารแบบมัลติ-เทอร์มินัล สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคนต่อปี พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสาร โดยมีหลุมจอดประมาณ 14 หลุมจอด 2. งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A,B และ C 3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร (Airport Multiplex Building...
มาร์เก็ตติ้งรถจักรยานยนต์เศรษฐกิจไลฟสไตล์

ยามาฮ่าหนุน  “RoV Pro League Season 2”

ยามาฮ่าบุกตลาด eSports จับมือ GeranaRoVสนับสนุนการแข่งขัน “RoV Pro League Season 2”สุดยอดลีคเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย  ชิงยามาฮ่า AEROX RoV Limited Edition นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล (คนซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับ มร.อัลเลน ชู (คนที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าฝ่ายด้านกลยุทธ์ด้านพันธมิตร ประจำประเทศไทย บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ในงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน “RoV Pro League Season 2” กีฬา eSports เทรนด์ใหม่ระดับโลกที่กำลังได้รับความนิยม และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันได้โชว์ Passion ของตนเองอย่างเต็มรูปแบบ โดยมี 8 ทีมชั้นนำที่ผ่านรอบคัดเลือกมากว่า 2,800 ทีม เข้าร่วมชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า AEROX RoV Limited Edition ไปครอง สำหรับการแข่งขันจะมีขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2561 เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ที่  Facebook: http://www.facebook.com/ROVTH, Garena Live : http://garena.live/ROVTH หรือที่ Youtube : https://goo.gl/fAsj9t...
รถยนต์ในประเทศเศรษฐกิจ

ตลาดรถยนต์ 7 เดือน โกยยอดขาย 571,064 คัน เพิ่มขึ้น 20.2%

ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม ยอดขายรวม 81,946 คัน เพิ่มขึ้น 25.7%ตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 571,064 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2561 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 81,946 คัน  เพิ่มขึ้น 25.7%  ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 32,531 คัน เพิ่มขึ้น 21.4%  รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 49,415 คัน เพิ่มขึ้น 28.8% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 38,565 คัน เพิ่มขึ้น 25.5% ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคมปริมาณการขาย 81,946 คัน เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 21.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 28.8% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมการตลาดจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อรถใหม่ของผู้บริโภค ตลาดรถยนต์สะสม 7 เดือน มีปริมาณการขาย 571,064 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 18.4% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 21.4% เป็นผลจากความต้องการในตลาดรถยนต์ที่มีอยู่สูงตั้งแต่ต้นปี สืบเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงส่งมาจากการส่งออกสินค้า และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีในระดับสูง ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม มีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจในอนาคตที่ปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนสินค้าการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นหลายรายการ ล้วนเป็นส่วนช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ไทยในอนาคต ถึงแม้ว่าผู้บริโภคบางส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทย และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มากนัก สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม –...
1 46 47 48 49 50 51
Page 48 of 51