บรรณาธิการ Buzzbiz

บรรณาธิการ Buzzbiz

อดีตผู้สื่อข่าวภูมิภาค เศรษฐกิจ รถยนต์ ที่เดินทางอยู่บนฐานันดอน 4 มานาน นับ30 ปี
รถยนต์ในประเทศ

เปิดโผ 13 รถใหม่ลุ้น CAR OF THE YEAR 2018

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย เดินหน้าโครงการ “รถยนต์ยอดเยี่ยม ประจำปี 2561” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018” โดยปีนี้ขยายเงื่อนไขเพื่มรถที่ผลิตในอาเซียน เผยรายชื่อรถยนต์ 13รุ่นเข้าเกณฑ์ พร้อมเปิดให้สมาชิกโหวตรอบแรกให้เหลือครึ่งภายในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนจะเข้าสู่รอบตัดสินและประกาศรางวัลภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์การตัดสินตามมาตรฐานสากล สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย(สรยท.) นำโดยนายภูวนาถ เผ่าจินดา นายกสมาคมฯ เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดงานมอบรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2561” (THAILAND CAR OF THE YEAR 2018) ว่าหลังจากที่สมาคมฯ ได้ดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่ 4 สำหรับรางวัลดังกล่าว ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการฯ และคณะทำงานได้พิจารณาคัดเลือกรถที่ผ่านหลักเกณฑ์ของสมาคมฯ และได้สรุปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 13 รุ่นโดยจะเริ่มให้สมาชิกสามัญของสมาคมฯที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสินTHAILAND CAR OF THE YEAR 2018รวมแล้วกว่า 100 คน ร่วมลงคะแนนโหวตรอบแรกผ่านทางระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 18 – 31ตุลาคม 2561 นี้ เพื่อให้จำนวนรถที่เข้ารอบตัดสินเหลือจำนวน7 คัน(ครึ่งหนึ่งของจำนวนรถที่ได้รับคัดเลือกเศษปัดขึ้น) ขณะที่การตัดสินรอบสุดท้ายโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านยานยนต์จะดำเนินการในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะประกาศผลอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกจะเป็นไปตามระเบียบและกฎกติกาซึ่งสมาคมฯ จัดทำขึ้นโดยกำหนดไว้ว่า รถที่จะได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมในแต่ละปี ต้องเป็นรถรุ่นใหม่ (New Model) ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดภายใน 12 เดือนก่อนประกาศผลรางวัล (ตั้งแต่1 ตุลาคม 2560 -30 กันยายน 2561) เป็นรถที่เปิดตัวโดยผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และเป็นรถที่ประกอบในประเทศ (CKD) โดยปีนี้คณะกรรมการได้ขยายเกณฑ์ในแง่การผลิตให้สามารถผลิตในอาเซียน และนำมาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อให้รางวัลทรงคุณค่ายิ่งขึ้น (รายละเอียดกฎเกณฑ์ต่างๆ สามารถดูได้ที่ www.tajathailand.com) สำหรับรถที่ผ่านคุณสมบัติเข้ารับการคัดเลือกรางวัลในครั้งแรกรวมทั้งหมด 13 รุ่น ได้แก่ วอลโว่ เอ็กซ์ซี60 (VOLVO...
เศรษฐกิจ

เฟ้น 12  ฟินเทคสตาร์ทอัพชิงแชมป์ “FinTech Challenge ” 

ก.ล.ต. จับมือสมาคมฟินเทค  เฟ้น 12  ฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่เข้าชิงชัยรอบชิงชนะเลิศใน “FinTech Challenge : The Discovery”  7 พฤศจิกายนนี้ ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)    ร่วมกับสมาคมฟินเทคประเทศไทย คัดเฟ้นได้ 12 ทีมฟินเทคสตาร์ทอัพเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery” โครงการประกวดผลงานนวัตกรรมทางการเงิน ค้นหาผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่จะปฏิวัติวงการทางการเงิน ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกันกว่า 400,000 บาท เพื่อสร้างโอกาสในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยช่วยให้เข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนได้อย่างทั่วถึงและสะดวกรวดเร็ว อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง นางทิพยสุดา  ถาวรามร  รองเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า  “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery เป็นโครงการประกวดผลงานนวัตกรรมทางการเงินที่ดำเนินการโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม  เพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงิน การลงทุน และประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงสร้างโอกาสในการนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้ในระบบการเงิน การระดมทุน และการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับยุค “ไทยแลนด์ 4.0” ในครั้งนี้สมาคมฟินเทคประเทศไทยได้ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. ในการค้นหาผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคสตาร์ทอัพหน้าใหม่ และช่วยบ่มเพาะศักยภาพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทคที่ประสบความสำเร็จและมากด้วยประสบการณ์   ตลอดจนความรู้ด้านกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง  เพื่อให้พร้อมต่อยอดธุรกิจ  หรือสามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่ง 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในโครงการประกวด “FinTech Challenge ครั้งที่ 3 : The Discovery”  คณะกรรมการได้คัดเลือกโดยพิจารณาจากความคิดสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ความเป็นไปได้ในการนำไปใช้งานจริง ซึ่งแต่ละทีมมีแนวคิดและนวัตกรรมที่น่าสนใจ  ทั้งในแง่มุมของเครื่องมือช่วยวางแผนการออมและการลงทุน  การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล และการขจัดอุปสรรคการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการเงินรวมไปถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ...
รถยนต์ต่างประเทศ

ยอดขายปอร์เช่เติบโต ในเยอรมนีและทวีปยุโรป

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี: Porsche AG สามารถเพิ่มจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ได้มากขึ้นถึง6เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 196,562 คันภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนแรกของปี 2018ด้วยการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกรายนี้ ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของปอร์เช่ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคยุโรป โดยแสดงให้เห็นจากอัตราการเติบโตที่เพิมสูงขึ้นถึง 9 เปอร์เซ็นต์ หรือ 66,551คันเฉพาะในประเทศเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ปอร์เช่มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้นถึงกว่า13เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 24,709 คันในส่วนของประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ ตัวเลขจำนวนการส่งมอบรถยนต์ใหม่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง4เปอร์เซ็นต์ หรือ 56,254 คันเมื่อพิจารณาแยกแต่ละรุ่นปอร์เช่พานาเมร่า (Porsche Panamera)คือรุ่นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นสัดส่วนที่เติบโตสูงสุด:หลังสิ้นเดือนกันยายน จำนวนของรถสปอร์ตซาลูน 4 ประตูที่ถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ทางด้านปอร์เช่ 911 (Porsche 911)สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายที่ตัวเลขสองหลักด้วยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 19 เปอร์เซ็นต์สำหรับปอร์เช่รุ่นที่สร้างยอดจำหน่ายได้มากที่สุดยังคงเป็นสปอร์ต SUV มาคันน์ (Macan) จากยอดส่งมอบรวม 68,050 คันและตามมาด้วยคาเยนน์ (Cayenne)ที่ 49,715 คัน “ในประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป ผลจากความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น คือหัวใจหลักที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรักษาสถานะความเป็นที่สุดแห่งยนตกรรมสปอร์ตที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลก รวมทั้งเป็นที่ต้องการครอบครองของบรรดาผู้หลงใหลความแรงได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเก้าเดือนแรกของปีนี้” ข้างต้นคือคำกล่าวของ  Detlev von Platenสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานขายและการตลาดของปอร์เช่ “นอกจากนี้พวกเรายังรู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนเช่นเดียวกัน”   “ยังคงมีภารกิจสำคัญที่ท้าทายความสามารถอีกมากมาย รอคอยพวกเราอยู่ในไตรมาสที่ 4 แน่นอนว่าเราจะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อให้มั่นใจว่างานดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงไปได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทดสอบWLTP test cycle ทดสอบการทำงานของการกรองน้ำมันเชื้อเพลิงและการยุติบทบาทของเครื่องยนต์ดีเซลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้” von Platenกล่าวเสริมเกี่ยวกับกฎข้อบังคับด้านมลภาวะซึ่งเพิ่งถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการในทวีปยุโรปตั้งแต่วันที่1กันยายน2018 ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต โดยปอร์เช่เริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ด้วยรุ่นสปอร์ต 2 ประตูคือ 911และ 718 เป็นอันดับแรกตามมาด้วยมาคันน์ใหม่ (The new Macan)ซึ่งได้รับการนำมาจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์Paris Motor Showเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   ปอร์เช่ไม่ได้บรรจุรถยนต์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในสายการผลิตนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018ท้ายที่สุดเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารได้ลงมติตัดสินใจที่จะยุติการทำตลาดรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล ในขณะเดียวกันกับที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าผู้ให้ความสนใจในขุมพลังไฮบริดดังที่ปรากฎว่ามากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของปอร์เช่พานาเมร่าใหม่ (The new Porsche Panamera)...
งานแสดงรถยนต์

“MOTOR EXPO” รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน

บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” จัดกิจกรรม “รวมใจสานสายสัมพันธ์สื่อมวลชน - MOTOR EXPO ครั้งที่ 11” สนุกกับการแข่งขันโกคาร์ท เกมสันทนาการ เพื่อกระชับสัมพันธ์ และขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป และชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้ควบคุมงานด้านการตลาดสัมพันธ์ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ณ Breeze Café & IMPACT Speed Park ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้...
มอเตอร์สปอร์ตเศรษฐกิจ

ถอดโมเดล ”บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด” จะเลียนแบบไม่ใช่เรื่องง่าย  !

ประสบความสำเร็จอย่างดงาม สำหรับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโลก โมโต จีพี ครั้งแรกในประเทศไทย รายการพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018  ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมียอดผู้ชมตลอดทั้ง 3 วัน ทะลุ 222,535 คน และได้รับคำชมจาก ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพีว่า สามารถจัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและราบรื่นที่สุดครั้งหนึ่ง  แม้จะเป็นการจัดครั้งแรกก็ตาม ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินว่า แม้ไทยต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ปีละ 280 ล้านบาท แต่ผลตอบรับทางเศรษฐกิจทำให้มีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท  มียอดเข้าพักโรงแรม  12,000 ห้อง และเต้นท์พักแรมอีก 3,500 หลัง  และทำชื่อเสียงของจังหวัดบุรีรัมย์ขจรไปในระดับอินเตอร์ มาดูเบื้องหลังการบริหารจัดการของ”เนวิน ชิดชอบ” หัวเรือใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์กันดีกว่า ในการปลุกจังหวัดที่เคยเป็น ”ทางผ่าน” มาเป็น “จุดหมายปลายทาง” ที่ใครๆก็อยากไปหา ด้วยแนวคิดบริหารจัดการแบบ “เวิลด์ สแตนดาร์ด” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด”คือต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทันทีที่ไทยตกลงจัดโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ ปัญหาที่ตามมาคือโรงแรมที่พักไม่เพียงพอผู้เข้านับแสนคน จะสร้างเพิ่มเติมก็คงไม่ทัน แต่ทางจังหวัดบุรีรัมย์และทีมงานเนวินใช้วิธีให้ผู้มีบ้านพัก ห้องเช่า  โฮมสเตย์  ในจังหวัดบุรีรัมย์มาลงทะเบียนไว้และประสานงานกับ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) บริษัทชั้นนำของโลกด้านการบริการห้องพัก และร่วมมือกับ B-STAY   จัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมโมโตจีพี  ส่วนหนึ่งก็จะไปพักในจังหวัดใกล้เคียงอย่างสุรินทร์และนครราชสีมา การคมนาคมสัญจรมายังสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก็เป็นเรื่องสำคัญ แท็กซี่ที่มีอยู่เพียง 15 คันไม่เพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวนับแสนได้อย่างแน่นอน ทีมงานจึงจัดการดึง Grab  เข้ามาช่วยบริหาร ให้คนบุรีรัมย์ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ มาขับ Grab รับส่งนักท่องเที่ยว โดยในจังหวัดบุรีรัมย์มียอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์สะสมรวมประมาณ 500,000 คัน ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก และที่เด็ดกว่านั้น คือการระดมรถจักรกลการเกษตรหรือรถอีแต๋นทั้งจังหวัด  1,200 คัน...
รถจักรยานยนต์

YAMAHA GLOBAL LAUNCHING NEW YZF-R3

   เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2019 พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ NEW YZF-R25 ที่จะวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เดือนตุลาคมนี้ และ NEW YZF-R3 ที่จะวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย ในเดือนธันวาคมนี้ โดยรถจักรยานยนต์สปอร์ตทั้งสองรุ่นได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ขับขี่ทั่วโลก โดยรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2019 นี้ มีความโดดเด่นในรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวและเต็มเปี่ยมด้วยสมรรมถนะที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับระบบเบรค ABS ที่จะทำการเปิดตัวพร้อมกันทั้งสามประเทศ โดย NEW YZF-R3 ได้ถูกพัฒนามาจากแนวคิด “Ride the R Anytime” ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะมาจากรุ่น YZF-R3 ในปี 2557 ซึ่งรุ่นใหม่นี้มาพร้อมโช้คอัพหน้าแบบอัพไซด์ดาวน์ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยความเร้าใจ   สำหรับ NEW YZF-R3 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 321 cc. แบบ 4 จังหวะ 2 สูบเรียง     8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด นอกจากนี้ NEW YZF-R3 ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย อาทิ ลูกสูบอลูมิเนียมแบบอัดขึ้นรูป น้ำหนักเบา, กระบอกสูบไดอะซิล แข็งแกร่ง ทนทาน เอกสิทธิ์เฉพาะ  ยามาฮ่า พร้อมออกแบบให้มีระยะ Offset ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้เครื่องยนต์ NEW YZF-R3 ยังถูกออกแบบให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพละกำลังได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับเฟรมตัวถังเป็นแบบโครงเหล็กน้ำหนักเบาและถูกออกแบบเรียบง่าย ประกอบกับถังน้ำมันเครื่องมีดีไซน์ของรถสปอร์ตเน้นให้เห็นแชสซี ตัวรถมีความสมดุลลงตัวพร้อมความทนทานและน้ำหนักเบา รูปแบบสวิงอาร์มที่สมดุลส่งผลให้การถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหลังมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวระบบกันสะเทือนหลังแบบ Monocross ที่ทำงานร่วมกับโช้คอัพหลัง KYB ที่สามารถปรับระดับได้...
Uncategorized

ไตรมาส 3 มาสด้าโตอีก 41% ยอดขายพุ่งทะลุ 5 หมื่นคัน

หลังประสบความสำเร็จสูงสุดด้านยอดขาย โดยเฉพาะตัวเลขของไตรมาส 3 มียอดขายสะสมสูงกว่า 52,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 41% มาสด้าเตรียมเดินหน้าก้าวสู่แบรนด์พรีเมียมอย่างเต็มรูปแบบ ดึงดีลเลอร์ทั่วประเทศเข้าร่วมงาน 2018 Half Year Mazda Way Forward ชูยุทธศาสตร์การวางเป้าหมายแบรนด์และการยกระดับแบรนด์ เน้นการพัฒนาธุรกิจเชิงคุณภาพทั้งด้านการขายและการบริการ มุ่งมั่นพัฒนาสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าตลอดการถือครอง รวมทั้งการสร้างแบรนด์อย่างมีสไตล์ เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวแนะในอนาคตอันใกล้นี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขยอดขายเมื่อปิดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ตลาดรถยนต์ในเซ็กเม้นต์หลักทั้งตลาดรถปิกอัพ ตลาดรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 13% ไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นอีก 26% ส่วนไตรมาสที่สามยังเพิ่มขึ้นอีก 22% ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่จะส่งผลให้ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยอดรวมทั้งตลาดคาดว่าจะทะลุเกิน 1 ล้านคัน ซึ่งมาสด้ายังยืนยันเป้าหมายตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 65,000 คัน ในปีนี้ หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 26% จากยอดขายรวมเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 51,755 คัน ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงความร้อนแรงต่อเนื่องปิดตัวเลขประจำไตรมาสที่3 มียอดขายสะสมพุ่งสูงถึง 51,755 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงครองอันดับหนึ่งของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มียอดขายสะสมสูงถึง 33,939 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 51% ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ซีเอ็กซ์-5 ที่กระแสความนิยมยังพุ่งอย่างต่อเนื่อง มียอดขายสูงถึง 6,265 คัน เติบโตถึง 116% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง มียอดขายสูงถึง 5,154 คัน เพิ่มขึ้น 17% และรถยนต์นั่งมาสด้า3 ที่ยังคงสร้างความเชื่อมั่นมาโดยตลอด มียอดขายสูงถึง...
รถยนต์ในประเทศ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ไทย เปลี่ยนประธานคนใหม่

กลุ่มบริษัท เดมเลอร์ เอจี ประกาศแต่งตั้ง นายโรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์ ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แทน นายไมเคิล เกรเว่ ที่ได้รับ             การแต่งตั้งให้เป็น ประธานบริหาร ประจำประเทศไต้หวัน หลังจากดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 นายโรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์ ในวัย 59 ปี ได้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ เอจี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 และปฏิบัติงานในหน่วยงานด้านการผลิต และจัดจำหน่ายอะไหล่  (Parts Organization) โดยมีส่วนร่วมสนับสนุนการย้ายโกดังเก็บอะไหล่ของกลุ่มบริษัทฯ ในหลายประเทศ และในปีพ.ศ. 2528  นายโฟลเกอร์ ได้ย้ายไปปฎิบัติงานที่ฝ่ายขายรถยนต์นั่ง            ส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรับผิดชอบตลาดประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก แล้วได้รับตำแหน่งประธานบริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ สำนักงานตัวแทน ณ ประเทศสิงคโปร์ ในปีพ.ศ.2531-2532 ในปีพ.ศ. 2533 นายโฟลเกอร์ได้รับการแต่งตั้งให้กลับไปปฎิบัติงานที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท เดมเลอร์ เอจี เพื่อรับผิดชอบด้านการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วย คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัม เดมเลอร์ เอจี ด้านการขาย และการตลาดของรถยนต์นั่ง         ส่วนบุคคล ในปีพ.ศ. 2535 และในช่วงสิ้นปีพ.ศ. 2536-2538 มร. โฟลเกอร์ ได้ดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารฝ่ายขาย การตลาด และการบริการหลังการขายของกลุ่มบริษัท เดมเลอร์ เอจี โดยเขาถือเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอรถยนต์ตระกูล M-Class สู่ตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2540 นายโฟลเกอร์กลับมาปฏิบัติงานที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท เดมเลอร์ เอจี              อีกครั้ง...
รถยนต์ในประเทศ

เจ.ดี. พาวเวอร์ยกมิตซูฯขึ้นที่สองการบริการลูกค้า

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชูความสำเร็จจากการดำเนินแผนพัฒนาบริการลูกค้าอย่างครอบคลุมที่ส่งผลให้ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 จากการศึกษาวิจัยดัชนีด้านการบริการลูกค้าในประเทศไทยประจำปี 2561 โดย เจ.ดี. พาวเวอร์ ทั้งนี้อันดับด้านความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อการบริการของมิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างมีนัยยะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยคะแนนที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมากในปีนี้เป็นอีกบทพิสูจน์ของการผนึกกำลังในการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่าย “การปรับปรุงอันดับได้อย่างน่าประทับใจในด้านความพึงพอใจของลูกค้าในรอบหลายปีของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเราในการพัฒนาบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เราขอแสดงความขอบคุณลูกค้าทุกท่านจากใจที่ให้ความเชื่อมั่นในรถยนต์และการบริการของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รวมถึงการมอบเสียงตอบรับที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจะเดินหน้าพัฒนาและนำเสนอบริการอันเป็นเลิศเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่เจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิทุกท่านต่อไป” นายโมริคาซุชกกิกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว การศึกษาวิจัยดัชนีด้านการบริการลูกค้าในประเทศไทยของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ปีที่ 19 นี้ ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยความพึงพอใจโดยรวมของเจ้าของรถยนต์ที่ใช้บริการจากศูนย์บริการมาตรฐานสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถยนต์ในช่วง 12–36 เดือนครอบคลุม 5 ปัจจัยหลัก (เรียงลำดับตามความสำคัญ)ได้แก่คุณภาพงานบริการ การรับรถสิ่งอำนวยความสะดวกของศูนย์บริการการเริ่มต้นให้บริการและที่ปรึกษาด้านบริการ โดยการประเมินจากเจ้าของรถยนต์ใหม่จำนวน 2,658 รายที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2558 ถึงเดือนกรกฎาคมพ.ศ. 2560 มิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย ได้รับคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าด้านการบริการ หรือ CSIที่ 840 คะแนนในการสำรวจประจำปี พ.ศ. 2561 เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 826 คะแนน โดยพลังการขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้าคือแผนงานพัฒนาการบริการลูกค้าที่ครอบคลุมของมิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย ตั้งแต่การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายไปจนถึงการเสริมสร้างทักษะให้แก่บุคลากร โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้จำหน่าย(DealerOperation Standard หรือ DOS) เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของผู้จำหน่ายทั่วประเทศการดำเนินโครงการ DOS ระยะที่หนึ่งซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 มุ่งความสำคัญที่การสร้างจุดแข็งอย่างรอบด้านให้แก่เครือข่ายผู้จำหน่าย อีกทั้งยังได้เริ่มดำเนินโครงการต่อในระยะที่สองเพื่อการพัฒนาการปฏิบัติงานขั้นสูงของผู้จำหน่าย หรือ Advanced DOSโดยได้ดำเนินโครงการไปแล้วกว่าร้อยละ 50 ทั้งนี้สถาบันการศึกษาและฝึกอบรมมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือ Education Academyเป็นหน่วยงานหลักในการฝึกอบรมพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส...
รถยนต์ในประเทศ

อาวดี้ เปิด 3 แคมเปญสุดเร้าใจให้เป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้ง่ายขึ้น

อาวดี้ ประเทศไทย ฉลองเปิดสำนักงานใหญ่ รัวกลองรบต่อเนื่อง รุกกระชับเข้าไปนั่งในใจลูกค้า ด้วย 3 แคมเปญขายสุดเร้าใจต้อนรับเดือนตุลาคม ชูไฮไลต์ 3 ยนตรกรรม Audi ยอดนิยม  มาจัดโปรโมชั่นแบบโดนๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ครอบครองยนตรกรรมแต่ละรุ่นได้ง่ายขึ้น  พร้อมเปิดเรื่องราวความสำเร็จระดับโลกเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทันทีเมื่อตัดสินใจเลือกแบรนด์ Audi นายกฤษณะกร เศวตนันทน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยว่า  จากความประทับใจของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ Audi  ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการเปิดตัว Audi Centre Thailand ที่มีความทันสมัยครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และเพื่อเฉลิมฉลองการเปิด Audi Thailand Headquarter ของอาวดี้อย่างเป็นทางการนี้  ส่วนงานขายพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ สุดเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้าได้มีความประทับใจในแบรนด์ Audi เพิ่มขึ้นไปอีก  โดยได้เลือก 3 ยนตรกรรม ยอดนิยม ที่ครองใจลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น   คือ  Audi TT  Audi Q 7  และAudi Q2  มาจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจครอบครองยนตรกรรมอาวดี้รุ่นที่ชอบได้ง่ายขึ้น แคมเปญส่งเสริมการขายสุดพิเศษสำหรับเดือนตุลาคม ฉลองการเปิดสำนักงานใหญ่ ที่เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2561 เท่านั้น คือ Audi TT ยนตรกรรม Sport  สมรรถนะสูงจากการผสานพลังขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ quattro  และได้รับความนิยมสูงสุด มอบแคมเปญ You Dare or You Don’t ด้วยข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเพียง 29,900 บาท ต่อเดือน  เลือกผ่อนนาน 60 เดือน หรือ 72 เดือน (เงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด)...
1 271 272 273 274 275 288
Page 273 of 288