เศรษฐกิจ

มอเตอร์สปอร์ตเศรษฐกิจ

ถอดโมเดล ”บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด” จะเลียนแบบไม่ใช่เรื่องง่าย  !

ประสบความสำเร็จอย่างดงาม สำหรับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโลก โมโต จีพี ครั้งแรกในประเทศไทย รายการพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018  ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมียอดผู้ชมตลอดทั้ง 3 วัน ทะลุ 222,535 คน และได้รับคำชมจาก ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพีว่า สามารถจัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและราบรื่นที่สุดครั้งหนึ่ง  แม้จะเป็นการจัดครั้งแรกก็ตาม ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินว่า แม้ไทยต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ปีละ 280 ล้านบาท แต่ผลตอบรับทางเศรษฐกิจทำให้มีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท  มียอดเข้าพักโรงแรม  12,000 ห้อง และเต้นท์พักแรมอีก 3,500 หลัง  และทำชื่อเสียงของจังหวัดบุรีรัมย์ขจรไปในระดับอินเตอร์ มาดูเบื้องหลังการบริหารจัดการของ”เนวิน ชิดชอบ” หัวเรือใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์กันดีกว่า ในการปลุกจังหวัดที่เคยเป็น ”ทางผ่าน” มาเป็น “จุดหมายปลายทาง” ที่ใครๆก็อยากไปหา ด้วยแนวคิดบริหารจัดการแบบ “เวิลด์ สแตนดาร์ด” ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด”คือต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทันทีที่ไทยตกลงจัดโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ ปัญหาที่ตามมาคือโรงแรมที่พักไม่เพียงพอผู้เข้านับแสนคน จะสร้างเพิ่มเติมก็คงไม่ทัน แต่ทางจังหวัดบุรีรัมย์และทีมงานเนวินใช้วิธีให้ผู้มีบ้านพัก ห้องเช่า  โฮมสเตย์  ในจังหวัดบุรีรัมย์มาลงทะเบียนไว้และประสานงานกับ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) บริษัทชั้นนำของโลกด้านการบริการห้องพัก และร่วมมือกับ B-STAY   จัดหาที่พักให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมโมโตจีพี  ส่วนหนึ่งก็จะไปพักในจังหวัดใกล้เคียงอย่างสุรินทร์และนครราชสีมา การคมนาคมสัญจรมายังสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก็เป็นเรื่องสำคัญ แท็กซี่ที่มีอยู่เพียง 15 คันไม่เพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวนับแสนได้อย่างแน่นอน ทีมงานจึงจัดการดึง Grab  เข้ามาช่วยบริหาร ให้คนบุรีรัมย์ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ มาขับ Grab รับส่งนักท่องเที่ยว โดยในจังหวัดบุรีรัมย์มียอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์สะสมรวมประมาณ 500,000 คัน ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก และที่เด็ดกว่านั้น คือการระดมรถจักรกลการเกษตรหรือรถอีแต๋นทั้งจังหวัด  1,200 คัน...
คมนาคม

ไทยเร้นท์อะคาร์ปล่อยโปรฯแรง ลดกว่า 50%

  บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำบริษัทรถเช่าของคนไทยที่ให้บริการในระดับสากลมานานกว่า 40ปี ล่าสุดปล่อยโปรโมชั่นชวนเที่ยวไทยหน้าไฮซีซั่น ลดสูงสุดกว่า 50% ได้แก่ โปรโมชั่น Fly&Drive บินแล้วขับไปกับไทยเร้นท์ฯ, โปรโมชั่น Early เออรีบBird จองก่อนถูกกว่า และโปรโมชั่นบัตรเมืองไทยสมายคลับ นายวิกรานต์ อมาตยกุล ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสายงานผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท ไทยเร้นท์อะคาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยว่า “ในช่วงไตรมาส 4/2561 นั้น คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นตามลำดับด้วยฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น อีกทั้งสายการบินต้นทุนต่ำมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นรวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง ทั้งนี้ไทยเร้นท์อะคาร์ได้มีการปล่อยโปรโมชั่นสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยออกมาต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะเข้าหน้าไฮซีซั่นแล้วก็ตาม ได้แก่ โปรโมชั่น Fly&Drive บินแล้วขับไปกับไทยเร้นท์ฯ วันนี้ – 31 ตุลาคม 2561 เช่ารถเริ่มต้นเพียง 499 บาท/วัน ในสาขาที่กำหนด เพียงนักท่องเที่ยวนำบอร์ดดิ้งพาสสายการบินภายในประเทศสายการบินใดก็ได้โชว์ที่หน้าเคาน์เตอร์ไทยเร้นท์อะคาร์ หรือจองผ่าน Thairentacar.com กรอกรหัสโปรโมชั่น “fly&drive” ก็สามารถรับรถเช่าราคาพิเศษที่สุดในช่วงไฮซีซั่นนี้, โปรโมชั่น Early เออรีบBird จองก่อนถูกกว่า จองวันนี้ – 31 ตุลาคม 2561 เพื่อเดินทาง วันนี้ – 31 ธันวาคม 2561 เช่ารถเริ่มต้น 550 บาท/วัน เพียงกรอกรหัสโปรโมชั่น “early18”  และโปรโมชั่นที่ไทยเร้นท์อะคาร์ร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต โปรพิเศษสำหรับบัตรเมืองไทยสมายคลับที่ให้เช่ารถเริ่มต้นเพียงวันละ 499 บาท วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2562 ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าไฮซีซั่นให้คนไทยหันมาเที่ยวเมืองไทยกันมากขึ้น นอกจากนี้ ไทยเร้นท์อะคาร์ยังคงเดินหน้าจับมือกับเอเจนซี่ใหญ่ในจีนอย่าง  Zuzuche และ Ctrip ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย อีกทั้งรับชำระผ่าน Alipay...
มอเตอร์สปอร์ตเศรษฐกิจ

“มาร์ค มาร์เกซ” ร่วมถ่ายวีดีโอโปรโมทท่องเที่ยวไทย

ประเทศไทยเปิดบ้านต้อนรับ "มาร์ค มาร์เกซ" นักบิดแชมป์โลก 4 สมัย ร่วมกิจกรรมพิเศษที่วัดราชนัดดารามและถ่ายวีดีโอโปรโมทท่องเที่ยวไทย ก่อนลงชิงชัยศึกโมโตจีพี รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 วันที่ 5-7 ต.ค.นี้ วันที่ 3 ต.ค.61 ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ วัดราชนัดดาราม "มาร์ค มาร์เกซ" นักบิดชาวสเปน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกโมโตจีพี 4 สมัย สังกัดเรปโซล ฮอนด้า เดินทางถึงประเทศไทยและเข้ามาร่วมกิจกรรมพิเศษ โดยมี กฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย, บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, พงศธร เอื้อมงคลชัย ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด และตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะเจ้าภาพและผู้สนับสนุนหลักการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 (PTT Thailand Grand Prix 2018)” ซึ่งจะชิงชัยวันที่ 5-7 ต.ค.61 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต...
เศรษฐกิจ

มาสเตอร์การ์ดยก”กรุงเทพฯ”จุดหมายปลายทางอันดับ 1 ติดต่อ 3 ปีซ้อน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะ รักษา ความสงบ แห่งชาติ (คสช.) ยินดีที่กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ด ฉบับที่ 7 ประจำปี 2561 ถือเป็นการครองอันดับ 1 ครั้งที่ 5 ในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2555 และต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพักแรมในปี 2560 จำนวน 20.05 ล้านคน ระยะเวลาพักแรมโดยเฉลี่ย 4.7 คืน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน 173 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,500 บาท นอกจากนี้ ภูเก็ต และ พัทยาติดโผเข้ามาอยู่ใน 20 อันดับแรกด้วย โดยอยู่ในลำดับที่ 12 และ 18 ตามลำดับ ภูเก็ตมีจำนวนผู้พักแรม 9.29 ล้านคน ส่วนพัทยามีผู้พักแรม 8.67 ล้านคน พล.ท.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดย มาสเตอร์การ์ด รายงานว่า การที่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีเมืองน่าเที่ยวถึง 3 แห่งติดอยู่ใน 20 อันดับแรก สะท้อนถึงโครงสร้างพื้นฐานที่มีเสถียรภาพ การผสมผสานที่ลงตัว ระหว่างการเดินทางมาทำงานและพักผ่อน รวมไปถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในโลก ยิ่งไปกว่านั้น ความพยายามของหน่วยงานภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาระดับการเติบโตที่เหนือกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ขยายข้อยกเว้นให้กับนักท่องเที่ยวที่พักระยะสั้น ดูแลความปลอดภัย และสร้างความประทับใจ รวมทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกหลายรายการในปีที่ผ่านมา...
มาร์เก็ตติ้งไลฟสไตล์

การตลาดสุดขั้วแบบ”บุรีรัมย์ มาราธอน”

เมื่อวันศุกร์ผ่านมา  นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด  พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และพลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ ณ อยุธยา อุปนายกอาวุโส สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ , ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี ว่าที่ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมผู้สนับสนุนภาคเอกชนร่วมแถลงข่าวจัดการแข่งขันวิ่งรายการ "บุรีรัมย์ มาราธอน 2019"  งานวิ่งมาตรฐานระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์  "YOUR ULTIMATE DESTINATION – สวรรค์ของนักวิ่ง" ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1,650,000 บาท  ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยจะชิงชัยในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2562 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต  จ.บุรีรัมย์ นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด กล่าวว่า  "เรามีเป้าหมายที่จะยกระดับงานวิ่งบุรีรัมย์ มาราธอน สู่ระดับโลกภายในเวลา 4 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่จัดการแข่งขันมา เห็นได้ชัดเจนว่าเรามีพัฒนาการในการจัดงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงจำนวนนักวิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากปีแรก 7,000 คน และปีที่สอง 13,000 คน  อีกทั้งมีนักวิ่งอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ร่วมงานเนื่องจากโควต้าเต็ม   ดังนั้นในปีที่ 3 นี้เราจึงขยายโควต้านักวิ่งเพิ่มเป็น 20,000 คน ที่สำคัญที่สุดก็คือเราอยากเชิญชวนนักวิ่งทุกคนมาร่วมจารึกประวัติศาสตร์และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน บุรีรัมย์ มาราธอน สู่ระดับโลก เพราะหลังจบการแข่งขันปีนี้เราจะยื่นเรื่องต่อสมาพันธ์กรีฑานานาชาติ (IAAF) ขอรับรองมาตรฐานให้ ...
อสังหาฯเศรษฐกิจ

การเคหะฯจับมือแบงค์กรุงไทยให้สินเชื่อผู้ประกอบการอสังหาฯ

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ร่วมกับธนาคารกรุงไทยจัดพิธีลงนามความร่วมมือการร่วมดำเนินกิจการโดยวิธีการสนับสนุนโครงการภาคเอกชนโดยมี นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และ ดร.ธัชพลกาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้มีแหล่งเงินกู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งการเคหะแห่งชาติจะเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำโครงการฯ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 ณ ห้องวทัญญู ณ ถลาง สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการเคหะประชารัฐร่วมทุนเป็นอีกหนึ่งภารกิจของการเคหะแห่งชาติภายใต้การขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับการเคหะแห่งชาติใน 3 รูปแบบ คือ โครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะดำเนินงานในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Investment) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556  ส่วนโครงการที่มีมูลค่าโครงการต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จะดำเนินงานในรูปแบบโครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) ตามพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ และระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการสนับสนุนโครงการ ทั้งนี้ โครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) การเคหะแห่งชาติจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและบริหารจัดการงานก่อสร้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพิจารณาความเป็นไปได้ด้านการตลาด ความเหมาะสมทางกายภาพ และการเงินการลงทุน อีกทั้งประสานงานกับสถาบันการเงินของรัฐในการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยในการดำเนินโครงการดังกล่าว จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือ การร่วมดำเนินกิจการโดยวิธีการสนับสนุนโครงการภาคเอกชนระหว่างธนาคารกรุงไทยและการเคหะแห่งชาติขึ้น โดยเป็นการร่วมมือเชิงบูรณาการเพื่อสานพลังประชารัฐสามฝ่าย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานเชิงนโยบายของรัฐบาล สู่การปฏิบัติจริงที่เป็นรูปธรรมเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนบุคลากรระหว่างองค์กรให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านต่างๆ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการพัฒนาโครงการ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ รวมทั้งการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง การลงนามในครั้งนี้ ธนาคารจะให้การสนับสนุนสินเชื่อกัผู้ประกอบการที่สนใจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนา (Pre Finance) โครงการต่างๆ...
เศรษฐกิจโชว์รูมรถใหม่

อาวดี้ ลงทุน 1.4 พันล้านบาท ผุดสนง.ใหญ่ พร้อมเปิดตัว Audi Q8  เป็นประเทศแรกในอาเซียน

อาวดี้ ประเทศไทย ลงทุน 1.4 พันล้านบาท เปิดสำนักงานใหญ่-โชว์รูมและศูนย์บริการ หรือ Audi Centre Thailand  ครบวงจร ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา  พร้อมเปิดตัว SUV เรือธง รุ่นล่าสุด “Audi Q8”  เป็นประเทศแรกในอาเซียน เคาะราคา 6.799 ล้านบาท ชูประเทศไทยเป็นตลาดศักยภาพสูงและเป็นหนึ่งในตลาดของอาวดี้ที่กำลังมาแรงและมีการเติบโตสูงสุด นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร อาวดี้ประเทศไทย กล่าวว่า ตามพันธสัญญา ในการให้ความสำคัญและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด และภายใต้แผนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกเพื่อสร้างแบรนด์อาวดี้ในประเทศไทย ส่งผลให้อาวดี้มีการยกระดับการทำงานทุกส่วน  ทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขาย ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิด สำนักงานใหญ่-โชว์รูมและศูนย์บริการ หรือ Audi Centre Thailand  ขนาด 6 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งมีพื้นที่ 3 ไร่ ตามมาตรฐานของแบรนด์อาวดี้ ที่มีจุดเด่น คือความครบวงจร ทั้งโชว์รูม ศูนย์บริการและศุนย์ซ่อมสี-ตัวถังที่ทันสมัย ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่บริเวณถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา  โดยใช้เงินลงทุนในที่ดิน ก่อสร้าง ตกแต่ง ติดตั้งเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย รวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท  นับเป็นข้อพิสูจน์ความจริงจังของการปักหมุดสร้างแบรนด์  ยนตรกรรมอาวดี้ในประเทศไทย  ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของ Audi AG  ในฐานะที่ประเทศไทย      เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว “การเปิดสำนักงานใหญ่ของ อาวดี้ ประเทศไทย ตอกย้ำความชัดเจนในความเป็น  แบรนด์อาวดี้ ที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาวดี้ ประเทศไทย มั่นใจว่า ความทันสมัยของ Audi Centre Thailand      จะสร้างนิยามใหม่ให้กับโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมั่นใจว่า ที่นี่จะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ และจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอาวดี้...
อสังหาฯเศรษฐกิจ

การเคหะฯ เตรียมที่อยู่กว่า 1.5 หมื่นหน่วยร่วมโครงการบ้านล้านหลัง

การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ขานรับโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมนำที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท พร้อมเข้าอยู่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 กว่า 15,000 หน่วย มาให้ประชาชนได้จับจอง ช่วยให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติสนองตอบนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างถ้วนทั่ว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม จึงได้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในราคาที่ประชาชนสามารถรับภาระได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้จัดทำ “โครงการบ้านล้านหลัง” ภายใต้กรอบวงเงินรวม 60,000 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ แบ่งการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยออกเป็น 3 เฟส ซึ่งการเคหะแห่งชาติมีความพร้อมเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สำหรับเฟสแรก ได้เตรียมที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชน และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า (TOD) ซึ่งพร้อมเข้าอยู่อาศัยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน 15,663 หน่วย มาให้ประชาชนได้จับจอง พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษและสินเชื่อตามเงื่อนไขของธนาคาร ส่วนการดำเนินงานในเฟสที่ 2 การเคหะแห่งชาติพร้อมที่จะทำความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในการนำที่อยู่อาศัยมาจำหน่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ และเฟสที่ 3 การเคหะแห่งชาติมีแผนดำเนินงานที่จะทำโครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support)  โดยจะขอรับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งคาดว่าจะประกาศเชิญชวนภาคเอกชนยื่นข้อเสนอได้ภายในเดือนกันยายน 2561...
อสังหาฯ

การเคหะฯ ย้ำ ! ย้ายเข้าแฟลตดินแดงระยะที่ 1 เป็นไปตามแผน

นับจากวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นมา การเคหะแห่งชาติได้ให้ผู้อยู่อาศัยเดิมในแฟลตที่ 18 - 22 ย้ายเข้าพักอาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2561 โดยผู้อยู่อาศัยเดิมย้ายเข้าพักอาศัยในอาคารใหม่ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้การเคหะแห่งชาติยังคงได้รับการตอบรับจากผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดีที่ได้มอบโอกาสให้ได้อยู่อาศัยในอาคารใหม่ที่มั่นคง แข็งแรง และมีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัยกว่าเดิม ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 18 - 22 ได้ย้ายเข้าพักอาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 ครบตามจำนวนผู้อยู่อาศัย 238 ครอบครัวแล้ว และสำหรับห้องว่างในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 1 การเคหะแห่งชาติได้ขออนุมัติเห็นชอบ ในหลักการให้นำผู้อยู่อาศัยที่จะเข้าอยู่ในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 เข้าอยู่อาศัยในโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรี หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการฯ และมีผู้ยื่นความประสงค์ในการเข้าอยู่อาศัยมากกว่าจำนวนห้องว่าง การเคหะแห่งชาติจะคัดเลือกผู้ได้สิทธิด้วยการจับสลากเพื่อเข้าอยู่อาศัยในโครงการฯ ดังกล่าว สำหรับอาคารเก่าแฟลตที่ 18 - 22 ขณะนี้ได้ทำการปิดอาคารเพื่อป้องกันการบุกรุกที่จะนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม และอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตรื้อถอนอาคารจากกรมธนารักษ์และสำนักงานเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เมื่อทำการรื้อถอนเรียบร้อยแล้วก็จะเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ต่อไป...
คมนาคมนวัตกรรมไลฟสไตล์

กฟน.จับมือนิสสันติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าในบ้านลูกค้า

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัย  เตรียมความพร้อมสำหรับ นิสสัน ลีฟ ซึ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยในปีงบประมาณนี้ ข้อตกลงนี้ได้มีการลงนามที่ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพฯ ข้อตกลงดังกล่าวเน้นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จที่บ้าน ที่ทำงาน และบนท้องถนนเพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย โดย กฟน. และนิสสัน จะทำงานร่วมกันในด้านการให้บริการรูปแบบใหม่ๆ คู่มือการใช้และบริการสำหรับระบบชาร์จ การฝึกอบรมทักษะทางเทคนิค การพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จ รวมไปถึงระบบการชำระค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง  กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่ครบวาระ 60 ปีกฟน. ในปีนี้กฟน. จึงมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทดแทนรถยนต์น้ำมันในอนาคตเนื่องจากเป็นพลังงานที่สะอาดและประหยัดโดยกฟน. ได้ร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการลงนามบันทึกความเข้าใจกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องหลายรายซึ่งการลงนามกับนิสสันมอเตอร์ประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า  และขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยกฟน. จะเป็นผู้ดำเนินการให้บริการด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอัดประจุไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยในระบบไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าของนิสสันและเป็นผู้ดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่บุคลากรของบริษัทนิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  เช่นตัวแทนจำหน่ายส่วนงานบริการลูกค้าช่างประจำศูนย์บริการเป็นต้นซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการตอบสนองต่อแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP 2015) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งเสริมเพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicle : PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle : BEV) รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคันภายในปีพ.ศ. 2579 ถือเป็นความร่วมมือกับองค์กรภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นจริงในประเทศ นอกจากนี้กฟน. ยังได้มีการจัดทำ“MEA EV Application” ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนสมาร์ทโฟน เวอร์ชันล่าสุด 2.0 รองรับการใช้งานทั้งระบบIOS และAndroid สำหรับการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าการจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จพร้อมควบคุมการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าผ่านระบบรีโมทด้วยแอปพลิเคชันทันที การแจ้งข้อมูลประวัติการชาร์จการคำนวณอัตราการประหยัดพลังงานรวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆที่จะจัดทำเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในอนาคต นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย  กล่าวว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยและขายดีที่สุดในโลก "รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของเราได้รับการพัฒนา...
1 44 45 46 47 48 49
Page 46 of 49